การผลัดเซลล์ผิวนั้น จริง ๆ แล้วเป็นกระบวนการทางธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นเองทุก ๆ 16 – 21 วัน เพื่อทำให้ผิวหนังที่ตายแล้วและอยู่ที่ผิวชั้นนอกสุดหลุดออกไป ส่วนการเร่ง ผลัดเซลล์ผิว นั้นเป็นกระบวนการในการช่วยเสริมให้การผลัดผิวตามธรรมชาติสามารถทำได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เนื่องจากอายุที่มากขึ้นหรือการเผชิญมลภาวะต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ทำให้เซลล์ที่ตายแล้วไม่หลุดออกไป ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาผิวพรรณในรูปแบบต่าง ๆ ตามมาได้
การเร่งผลัดเซลล์ผิวโดยทั่วไปแล้วแบ่งออกเป็น 2 วิธี คือการผลัดเซลล์ผิวแบบ Physical peeling ซึ่งเป็นการขัดถูขี้ไคลบนผิวออก โดยใช้อุปกรณ์หรือตัวช่วยต่าง ๆ และแบบ Chemical peeling ซึ่งหมายถึงการใช้สารเคมีเป็นตัวเร่งในการผลัดเซลล์ผิว เป็นวิธีการผลัดเซลล์ผิวที่อ่อนโยนกว่าในรูปแบบแรก โดยสารต่าง ๆ ทีเป็นที่นิยมได้แก่ AHA, BHA และ PHA แต่การเลือกใช้สารเคมีที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณเพื่อช่วยใน การผลัดเซลล์ผิว นั้น เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาทำความเข้าใจกันก่อนว่าแต่ละชนิดนั้น มีคุณสมบัติต่างกันอย่างไร เหมาะกับสภาพผิวแบบไหนบ้าง ซึ่งในบทความวันนี้เรามีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการเลือกใช้ Chemical peeling ที่เหมาะกับสาว ๆ แต่ละคนมาฝากกัน
ระยะเวลาในการ ผลัดเซลล์ผิว ตามธรรมชาติโดยทั่วไปแล้ว อยู่ที่ 16 – 21 วัน โดยกระบวนการผลัดเซลล์ผิวจะเกิดขึ้นที่ชั้นหนังกำพร้าที่เป็นผิวชั้นนอกสุด โดยเซลล์หรือผิวหนังที่ตายแล้วที่หลุดออกมาเรียกว่า สเตรตัม คลอเนียม (Stratum Corneum) โดยทั่วไปการบวนการผลัดเซลล์ผิวของคนที่มีอายุน้อย จะใช้เวลาสั้นกว่าในคนที่มีอายุมากขึ้น รวมทั้งปัจจัยจากภายนอกเช่น มลพิษ ฝุ่นควัน การล้างหน้าไม่สะอาดหมดจด ฯลฯ มีผลต่อกระบวนการผลัดเซลล์ผิว จึงทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วไม่ลอกหลุดออกตามเวลาที่สมควร อาจก่อให้เกิดการอุดตันตามรูขุมขน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดปัญหาสิวเสี้ยนไปจนถึงสิวอักเสบได้
เป็นการเร่ง การผลัดเซลล์ผิว โดยใช้สารเคมีเพื่อเข้าไปทำหน้าที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวโดยไม่ต้องใช้การขัดถูอย่างรุนแรงบนผิวหนัง โดยสารเคมีที่เป็นที่นิยมใช้นั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ก็คือ AHA, BHA และ PHA ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายกันในเรื่องของการช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกออกไป และ การกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ ส่งผลให้ผิวหนังชุ่มชื้น ผิวกระจ่างใส และสีผิวสม่ำเสมอยิ่งขึ้น
ซึ่งสารเคมีแต่ละตัวนั้นเหมาะกับคุณผู้หญิงแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนใช้ AHA ได้ แต่บางคนอาจจะระคายเคือง หรือบางคนเหมาะกับ BHA มากกว่า ดังนั้นคุณต้องรู้ก่อนว่าสารแต่ละตัวมีวิธีการทำงานอย่างไรเหมาะกับผิวแบบไหน มีข้อควรระวังในการใช้อย่างไร รวมไปถึงวิธีการใช้ที่ถูกต้อง เพื่อที่คุณจะได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว และได้รับผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
AHA ย่อมาจากคำว่า Alpha Hydroxy Acids คือ สารประกอบที่มีฤทธิ์เป็นกรด เป็นสารที่ได้มาจากธรรมชาติ สามารถละลายในน้ำได้ มีประสิทธิภาพในการซึมเข้าไปทำปฏิกิริยากับผิวหนังชั้น นอกเพื่อช่วย ผลัดเซลล์ผิว ได้ AHA ที่นิยมใช้ในวงการเครื่องสำอาง เช่น Lactic Acid, Glycolic Acid, Citric Acid เป็นต้น ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่ได้จากนม, อ้อย และส้ม (หรือเลมอน) ตามลำดับ
นอกจากมีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิวหนังแล้ว AHA ยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน จึงทำให้ผิวหนังมีความนุ่มชุ่มชื้นขึ้น รอยดำรอยแดงต่าง ๆ จะดูจางลง ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ และทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น อีกทั้งช่วยรักษาสมดุลค่า pH ให้มีความเป็นกลาง ซึ่งจะช่วยให้ผิวแข็งแรง มีเกราะป้องกันผิวจากแบคทีเรียได้ดีขึ้น ผิวไม่แห้งจนเกินไป ไม่เกิดการระคายเคืองได้ง่าย
สำหรับข้อควรระวังในการใช้ AHA คือ การเริ่มต้นใช้ในระดับความเข้มข้นต่ำก่อน เนื่องจากการใช้ AHA ที่มีความเข้มข้นสูงเกินไปอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ เมื่อผิวเริ่มชินกับความเข้มข้นแบบอ่อน ๆ แล้ว จึงค่อยเพิ่มระดับความเข้มข้นขึ้นไป ให้ระวังเรื่องการถูกแสงแดดโดยตรงหรือโดนแดดแรงจัด หลังจากที่ใช้ AHA minebeauty เพราะว่าอาจทำให้ผิวที่เพิ่งผลัดเซลล์ขึ้นมาใหม่นั้น เกิดรอยดำจากการแพ้แดดได้ ไม่ควรใช้ AHA ติดต่อกันเป็นเวลานานเกิน 2 สัปดาห์ เพราะมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการรบกวนกลไกผิวตามธรรมชาติมากจนเกินไป นอกจากนี้ยังไม่แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ AHA ควบคู่ไปกับ BHA ด้วย ถ้าต้องการจะใช้ให้สลับกันใช้ BHA ตอนเช้า และใช้ AHA ก่อนนอน
BHA ย่อมาจากคำว่า Beta Hydroxy Acids คือ สารสังเคราะห์ที่ทนต่อความร้อนได้ดีกว่า AHA ละลายในไขมันได้ โดยสารที่ใช้กันอย่างกว้างขวางในวงการ เครื่องสำอางค์ และเป็นที่รู้จักกันดีในตระกูล BHA ก็คือ กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) ซึ่งใช้ผสมในโทนเนอร์หรือเอสเซนส์ต่าง ๆ เพื่อใช้ในการทำความสะอาดรูขุมขนได้อย่างล้ำลึก เนื่องจาก BHA สามารถซึมเข้าไปถึงต่อมไขมันได้ จึงมีประโยชน์สำหรับใช้ในการรักษาสิว
นอกเหนือจากจะมีคุณสมบัติคล้ายกับ AHA ในเรื่องของการผลัดเซลล์ผิวแล้ว BHA ช่วยในเรื่องของการลดการอุดตันของรูขุมขนได้ดี ช่วยดูแลผิวเป็นสิว เพราะสามารถทำความสะอาดอย่างล้ำลึกได้ถึงชั้นต่อมไขมัน จึงสามารถลดการอักเสบของสิวได้ ช่วยสลายสิวอุดตันทั้งชนิดหัวเปิดและหัวปิด ทำให้ผิวพรรณคุณผู้หญิงดีขึ้น เหมาะสำหรับสาวผิวมันและรูขุมขนกว้าง โดยระดับความเข้มข้นที่ใช้กันทั่วไปคือ 0.5 - 5 % มีความสามารถในการ ผลัดเซลล์ผิว ดีกว่า AHA เพราะมีการนำ BHA ความเข้มข้นสูง มาใช้ในการรักษาส้นเท้าแตก, โรคผิวหนังชนิดอักเสบเรื้อรัง ฯลฯ ทางการแพทย์ผิวหนังมานานแล้ว
สำหรับข้อควรระวังในการใช้ BHA ก็คือ ไม่ควรใช้ในความเข้มข้นสูงเกินไป เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองถึงขั้นผิวลอกได้ ซึ่งจะส่งผลให้ภูมิคุ้มกันของผิวต่ำลงและไม่สามารถปกป้องผิวจากเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ อีกทั้งไม่แนะนำให้ใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากอาจทำให้ผิวหน้าบางลงได้ ซึ่งอาจส่งผลให้ไวต่อแสงมากขึ้น อาจทำให้หมองคล้ำ เกิดรอยดำรอยแดงจากการโดนแดดทำร้ายได้ง่ายขึ้น และไม่ควรใช้ BHA พร้อมกันกับ AHA เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองมากเกินไป
PHA ย่อมาจากคำว่า Polyhydroxy Acids คือ เป็นสารเคมีสังเคราะห์ที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ มีโมเลกุลใหญ่กว่า AHA จึงซึมซาบสู่ผิวได้ช้าลง ทำให้มีอาการระคายเคืองช้ากว่า สามารถผลัดเซลล์ผิวได้อย่างอ่อนโยนยิ่งขึ้น โดย PHA ที่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวได้แก่ กลูโคโนแลคโตน (gluconolactone), กาแลคโตส (galactose), และกรดแลคโตไบโอนิก(lactobionic acid) เป็นต้น
นอกเหนือจากประโยชน์ในเรื่องของ การผลัดเซลล์ผิว แล้ว PHA มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องและซ่อมแซมชั้นหนังกำพร้าจากมลภาวะต่าง ๆ มีคุณสมบัติเป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ดี จึงนิยมนำมาเป็นส่วนผสมในครีมบำรุงผิว ยิ่งไปกว่านั้น PHA ยังช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของผิวได้ ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น เนื่องจากมีความสามารถในการยับยั้งกระบวนการ Glycation (ไกลเคชัน) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้โปรตีนคอลลาเจนและอีลาสตินที่ผิวอ่อนแอลง
ถึงแม้ PHA จะอ่อนโยนต่อผิวของคุณมากกว่า AHA และ BHA ก็ตาม แต่ก็ไม่ควรใช้ PHA ที่มีความเข้มข้นสูงจนเกินไป เนื่องจากอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ และที่สำคัญคุณต้องทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ใช้ผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ที่มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิว เพื่อป้องกันผิวหมองคล้ำจากการถูกแสงแดดทำร้าย
การทำ Chemical peeling โดยวิธีการทั้ง 3 อย่างที่เรากล่าวมานี้ มีประโยชน์มนการช่วย ผลัดเซลล์ผิว เก่าที่ตายแล้วออกไป และเผยผิวใหม่ที่เนียนนุ่มสดใสกว่าเดิม โดย AHA จะเหมาะกับคุณผู้หญิงที่มีผิวแห้งและกังวลเรื่องริ้วรอยก่อนวัย ส่วน BHA จะเหมาะกับสาวผิวมันที่เป็นสิวหรือมีรูขุมขนกว้าง ส่วนถ้าคุณเป็นสาวผิวแพ้ง่าย ลองมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ PHA ซึ่งสามารถผลัดเซลล์ผิวได้อ่อนโยนกว่า หมดปัญหาเรื่องการระคายเคืองอย่างแน่นอน
นวดอโรม่า (Aroma Massage) คือ ศาสตร์การนวดอีกแขนงหนึ่งที่มุ่งเน้นการใช้น้ำมันหอมระเหย เข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญประกอบการนวด
โรคซึมเศร้า เป็นอาการผิดปกติของอารมณ์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยทั้งด้านความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมเศร้าหมองที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แฮม เป็นชิ้นเนื้อสัตว์จากต้นขาหลังของสัตว์บางชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สุกร แฮมส่วนใหญ่ผ่านการถนอมอาหารและสามารถรับประทานได้ทั้งแบบสุกและดิบ
อาร์ติโชค เป็นพืชเมืองหนาว มีถิ่นกำเนิดในยุโรปเขตเมดิเตอร์เรเนียน มีสรรพคุณทางยา สามารถบริโภคสดหรือปรุงเป็นอาหาร
ชุดเดรส เป็นเสื้อผ้าที่ผู้หญิงหรือเด็กหญิงมักสวมใส่ ซึ่งเป็นเสื้อผ้าชิ้นเดียวที่มีกระโปรงยาวเท่าใดก็ได้ และสามารถเป็นทางการหรือลำลองก็ได้
ช่องทางติดตามข่าวสาร