18 สิงหาคม วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ อีกหนึ่งวันสำคัญที่คนไทยไม่ควรลืม

วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ไทย ได้ถูกกำหนดไว้ให้ตรงกับวันที่ 18 สิงหาคมทุก ๆ ปี เป็น วันวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นวันที่มีความสำคัญอย่างมากต่อวงการวิทยาศาสตร์และทางดาราศาสตร์ไทย ทางรัฐมนตรีเมื่อปี พ.ศ 2525 ได้ให้เทิดพระเกียรติประบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้เป็นพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย พร้อมได้มีการกำหนดให้วันที่ 18 สิงหาคม วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ เป็นต้นมา ส่วนจะมีความสำคัญอย่างไร มีประวัติความเป็นมาอย่างไร ตาม minebeauty ไปดูข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อกันได้เลยค่ะ

ประวัติความเป็นมาของ วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ

ที่มาของวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ เกิดขึ้นในวันที่ 18 สิงหาคม 2411 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพร้อมด้วยพระราชโอรส และพระธิดา ได้ทรงเสด็จมาพระราชดำเนินทางชลมารค ไปทอดพระเนตรสุริยุปราคา ทรงตั้งพระปณิธานไว้แน่วแน่ที่จะมีการพิสูจน์ผลคำนวณ หลังจากทรงได้ทรงใช้กล้องโทรทรรศน์คำนวณตอนเกิดของสุริยุปราคาเป็นครั้งแรกได้แม่นยำล่วงหน้าไปอีก 2 ปี

พระองค์ได้ทรงคำนวณไว้ว่า ดวงจันทร์สุริยุปราคาคาจะเกิดขึ้นในวันคาร ขึ้น 1 ค่ำเดือน 10 ปีมะโรง โดยจะเห็นชัดเจน บริเวณ เกาะจาน จนไปถึงปราณบุรี และลงไปถึงชุมพร  ได้ให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ให้สร้างค่ายหลวงและพลับพลา พร้อมกับเชิญทางคณะดาราศาสตร์ประเทศฝรั่งเศส และเซอร์แฮรี ออด เป็นเจ้ามองประเทศสิงคโปร์ได้เดินทางมาเข้าเฝ้าและร่วมสังเกตการณ์ และเมื่อถึงวันที่ 18 สิงหาคม 2411 เหตุการ์ณก็เป็นไปตามที่ได้พยากรณ์ไว้ไม่มีการคลาดเคลื่อนแม้แต่วินาทีเลย

องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ ได้มีการประกาศและยกย่องพระเกียรติคุณของพระองค์ทรงเป็นบุคคลที่มีความสำคัญของโลก ทรงได้พระราชกรณียกิจและพระเกียรติคุณ โดยเฉพาะพระราชกรณียกิจทางด้านดาราศาสตร์ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีการกำหนดวันที่ 18 สิงหาคมทุก ๆ ปี ให้เป็นวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ทั้งนี้ในวันที่ 18 สิงหาคม จะมีหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงศึกษาธิการ กรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา กรมแผนที่ทหาร สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งชาติประเทศไทย ฯลฯ และยังได้ร่วมกันจัดงานโอกาสครบรอบ 100 ปี กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกด้วย เพื่อให้ประชาชนได้เห็นความสำคัญ พร้อมทั้งมี ไลฟ์สไตล์ ใส่ใจที่จะสนใจเรื่องของวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์มากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าเรื่องอื่น ๆ นั่นเอง

พระราชกรณียกิจทางด้านดาราศาสตร์

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสร้างหอดูดาวบนเขาวังในจังหวัดเพชรบุรี ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2403 โดยพระราชนามว่า หอชัชวาลเวียงชัย และได้มีการกำหนด วันวิทยาศาสตร์ ขึ้นมาให้กับประชาชน โดยพระองค์ได้ทรงเคยทอดพระเนตรดาวหาง 3 ดวง นั่นก็คือ

1. ดาวหางโดนาติ ซึ่งเป็นดาวหางที่ขนาดใหญ่มาก ทางนักดาราศาสตร์อิตาเลียนได้ค้นพบว่า วันที่ 2 มิถุนายน 2401 จนไปถึง 4 มีนาคม 2402 ชาวไทยจะสมารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
2. ดาวหางฟลูเกอร์กูส เป็นดาวหางขนาดใหญ่ และมี 2 หาง
3. ดาวหางเทพบุท  เป็นดาวหางที่มีขนาดใหญ่ หางยาว และสว่างกว่าดาวกางโดนาติ ที่ได้เกิดขึ้นให้ชาวโลกได้เห็นในระหว่างเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม  2404 ได้ทรงคำนวณไว้ล่วงหน้าว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด และทรงออกประกาศไว้ล่วงหน้าให้ประชาชนได้ทราบกัน

การทดลองวิทยาศาสตร์ตั้งแต่สมัยโบราณ ปรากฎการณ์น้ำเดือดกลายเป็นน้ำแข็ง

กระบวนการในการทดลองทางด้านวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจ และยังพูดถึงกันอยู่เสมอ ถึงแม้จะผ่านมานานกว่า 350 ปีกันแล้ว โดยทางนักวิทยาศาสตร์หลายคนได้นำเอาน้ำร้อน 100 องศาเซลเซียส เทลงไปบนอุณหภูมิ ณ จุดที่เยือกแข็ง หรือติดลบ ลงในหิมะ ทำให้น้ำร้อนแข็งตัวได้เร็วในอุณหภูมิ 35 องศาเซลเซียส ที่ได้รู้จักกันในชื่อว่า ปรากฎการณ์เพมบา จนมาในปัจจุบันนี้ก็ยังมีผู้คนจำนวนมาก ได้ทดลองทำปรากฏการณ์นี้ โดยการสาดน้ำเดือด ๆ ในในโซนชั้นบรรยากาศทีเต็มไปด้วยหิมะ และได้ค้นพบว่าน้ำแข็งตัวรวดเร็วขึ้นนั่นเอง ทำให้ได้ทรงจัดวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติขึ้นมาให้ประชาชนได้ทราบกัน

และนี่ก็เป็นประวัติ วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ  ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของคนไทย สำหรับ วันวิทยาศาสตร์ แล้ว แต่ละคนมักจะจับตาจ้องมองกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 18 สิงหาคม วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ยิ่งประชาชนได้เห็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติมากเท่าไหร่ ก็มักจะตื่นเต้นและรู้สึกดีใจ จนกลายเป็นเรื่องที่น่าประทับใจตลอดมา