การเลือกซื้อ ครีมหน้าใส

ผิวหน้าของทุกคนจำเป็นต้องได้รับการบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ แต่จุดประสงค์ในการบำรุงหรือรักษาผิวหน้าของแต่ละคนนั้นจะไม่เหมือนกัน เช่น บางคนต้องการบำรุงใบหน้าเพื่อลดปัญหาสิวต่าง ๆ  บางคนต้องการการบำรุงใบหน้าเพื่อลดริ้วรอยตามวัยและลดฝ้ากระ แต่ทุกคนย่อมมีความต้องการเหมือนกันคือการบำรุงเพื่อแก้ปัญหาผิวหน้าของตัวเองพร้อมกับทำให้ใบหน้าดูสว่างกระจ่างใส ไม่หมองคล้ำนั่นเอง การเลือกซื้อที่เหมาะสมตรงกับความต้องการของตัวเองอาจเป็นเรื่องที่ดี minebeauty แต่เราได้ยินบางคนบอกว่าอยากหน้าขาวบ้าง อยากหน้าใสบ้าง แล้วผิวหน้าขาวเป็นแบบไหน ผิวหน้าใสเป็นอย่างไร เหมือนกันหรือไม่ ถ้าเราไม่รู้จะทำให้เกิดความสับสนเวลาเลือกซื้อหรือเลือกใช้ได้ แล้วเราก็จะได้ครีมที่ผิดกับจุดประสงค์ที่เราต้องการนั่นเอง 

ครีมหน้าใส คืออะไร แตกต่างจากครีมหน้าขาวอย่างไร

ครีมหน้าใสกับครีมหน้าขาวนั้นไม่เหมือนกัน ครีมหน้าใส ยี่ห้อไหนดี แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่มีหลายคนเข้าใจผิดคิดกันไปเองว่าหน้าใสและหน้าขาวนั้นมีความหมายเดียวกันหรือแม้กระทั่งผู้ผลิตครีมบางยี่ห้อก็มักจะใช้คำสองคำนี้มารวมเป็นความหมายเดียวกัน นิยามของคำว่าครีมหน้าขาว คือครีมที่ช่วยให้สีผิวของเราขาวขึ้น ซึ่งผิวขาวคือ ลักษณะของสีผิวที่มีความขาวหรือสว่าง แต่ครีมผิวขาวไม่ได้ช่วยให้ผิวเราดูใส ซึ่งครีมหน้าขาวจะมีส่วนผสมหลัก ๆ อย่างไวเทนนิ่งเป็นหลัก นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องของกรรมพันธุ์อีกด้วย บางคนอยากมีผิวขาวมาก ๆ ทำให้มีการใช้ครีมที่มีส่วนผสมอันตราย เช่น สเตียรอยด์ เป็นต้น ใบหน้าก็ขาวขึ้นจริง ๆ แต่เป็นผิวขาวซีด ขาวไม่มีเลือดฝาด ผิวแห้งไม่มีน้ำมีนวล แต่ถ้าเป็น ครีมหน้าใส คือครีมที่ช่วยบำรุงผิวเราโดยมุ่งเน้นในการทำให้ผิวเราแข็งแรงทำให้มีสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก คนที่มีผิวใสบางคนจะไม่มีผิวขาวมากนัก แต่สภาพผิวนั้นดูแข็งแรงมาก มีน้ำมีนวล มีความชุ่มชื้น ไม่แห้งแตก ใบหน้าดูมีเลือดฝาด เป็นต้น 

เลือกครีมหน้าให้เหมาะกับสภาพผิว

1. ผิวปกติธรรมดา คือสภาพผิวหน้าที่ไม่มีปัญหาใด ๆ ไม่มีสิว หน้าไม่มันหรือแห้งมากเกินไป รูขุมขนกระชับเรียบเนียน คนที่มีผิวหน้าปกติเช่นนี้สามารถเลือกใช้ เซรั่มหน้าใส ได้ง่ายมาก แต่ให้มุ่งเน้นไปที่การป้องกันผิวโดยการใช้ครีมกันแดดร่วมด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหน้าเราเกิดความเสียหายนั่นเอง การใช้ครีมที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์ทาบำรุงก็ช่วยให้ผิวสุขภาพดีและดูใสได้มากขึ้นแล้ว

2. ผิวหน้ามัน คือสภาพผิวหน้าที่มีความมันมากผิดปกติ เพราะผิวหน้าเรามีการผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้รูขุมกว้างและเกิดสิวอุดตันได้ง่ายถ้าหากมีการล้างหน้าไม่สะอาด การเลือกใช้ ครีมหน้าใส แนะนำให้หลีกเลี่ยงครีมที่มีส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นอย่างน้ำมันต่าง ๆ มอยเจอร์ไรเซอร์ เป็นต้น เพราะจะยิ่งทำให้ใบหน้าเราดูมันเยิ้มและเกิดการอุดตันได้ง่ายมากขึ้น

3. ผิวหน้าแห้ง คือสภาพผิวที่มีความแห้งมากผิดปกติ เกิดจากการที่ผิวหน้าเราผลิตน้ำมันออกมาหล่อเลี้ยงผิวหน้าเรามีปริมาณน้อยเกินไป แต่จะมีผิวหน้าที่เรียบเนียน รูขุมขนไม่กว้าง แต่อาจเกิดริ้วรอยได้ง่าย และอาจเกิดอาการผิวแห้งจนเป็นขุยและลอกได้ การเลือกครีมหน้าใสควรเลือกครีมที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์หรือน้ำมันบำรุงผิวต่าง ๆ เป็นหลัก  เพื่อเป็นการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้าได้ เป็นการป้องกันผิวหน้าไม่ให้เกิดการลอกเป็นขุย คนผิวหน้าแห้งต้องมีการบำรุงมากเป็นพิเศษในช่วงหน้าหนาวเพราะผิวจะแห้งมากกว่าปกติ

4. ผิวผสม คนที่มีผิวผสมคือคนที่มีผิวหน้ามันเฉพาะจุด โดยเฉพาะช่วงทีโซน ได้แก่ หน้าผาก จมูกและคาง แต่บริเวณอื่น ๆ จะไม่มีความมันใด ๆ หรืออาจแห้งเลยก็ว่าได้ ปัญหาของคนที่มีผิวผสมนี้ค่อนข้างลำบากในการเลือกครีมบำรุง แต่ปัจจุบันนี้ก็มี ครีมหน้าใส ที่มีสูตรเฉพาะสำหรับคนผิวผสมให้เลือกมากมายแล้ว แต่อย่างไรก็ตามการทาครีมบำรุงแนะนำว่าให้พยายามหลีกเลี่ยงการทาครีมในบริเวณทีโซน หรือทาครีมในบริเวณนั้นในปริมาณเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอุดตัน  

5. ผิวเป็นสิว คนที่มีใบหน้าเป็นสิวต้องมีความระมัดระวังในการเลือกใช้ครีมบำรุงเป็นอย่างมาก ซึ่งส่วนผสมของ เซรั่มหน้าใส จะต้องเน้นไปที่การยับยั้งแบคทีเรียบนผิวหน้าและต้องมีความสมดุลและอ่อนโยนต่อผิวเป็นหลัก โดยให้เลือกใช้ครีมที่มีค่าความเป็นกรด-เบสหรือค่า PH เป็นกลางจะเหมาะสมสำหรับผิวประเภทนี้มากที่สุด 

6. ผิวแพ้ง่าย คือผิวหน้าที่มีอาการระคายเคืองและไวต่อสารที่ทำให้เกิดการแพ้ได้ง่ายมาก ๆ ต้องโฟกัสที่ส่วนผสมเป็นหลัก ถ้าเราแพ้ส่วนผสมใด ๆ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสารนั้น ๆ แต่ถ้าตัวเราไม่รู้ว่าแพ้สารชนิดไหน ให้พยายามหลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ทั่วไป ครีมหน้าใส ยี่ห้อไหนดี เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบน รวมไปถึงส่วนผสมที่เป็นกรดอ่อน ๆ อย่าง AHA เป็นต้น การสังเกตการณ์แพ้สังเกตได้จากอาการคันทั่วใบหน้า มีผื่นแดงหรือผิวแห้งลอก รวมไปถึงทำให้สิวเห่อทั่วใบหน้าได้ จึงต้องมีการระมัดระวังมากเป็นพิเศษ

หลักการใช้ครีมหน้าใสเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

1. การใช้ ครีมหน้าใส ให้ได้ประสิทธิภาพได้ที่สุดคือไม่ควรใช้ครีมบำรุงในปริมาณที่มากจนเกินไป ปกติการทาครีมบำรุงนั้นควรใช้ในปริมาณเล็กน้อย ไม่เกิน 1 ข้อนิ้วของเรานั่นเอง แต่ถ้าเนื้อครีมเป็นของเหลวที่ไม่จับตัวเป็นก้อนเท่าไหร่ก็แนะนำให้เทลงบนฝ่ามือในปริมาณเล็กน้อย ไม่เกินขนาดของเหรียญบาทหรือเปรียบเทียบประมาณ 3-4 หยด ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป

2. การทาครีมหน้าใส แต่งหน้า ให้ทั่วถึงทั้งใบหน้า ให้เราแต้มครีมหน้าใสในบริเวณจุดสำคัญบนใบหน้าและจุดที่กระจายตัวได้ดีมากที่สุด เช่น แต้มครีมลงไป 5 จุด ทั่วใบหน้า ได้แก่ บริเวณหน้าผาก จมูก แก้มทั้ง 2 ข้าง คาง รวมกัน 5 จุด จากนั้นก็เกลี่ยครีมบำรุงแต่ละจุดให้ทั่วใบหน้าอย่างเบามือ ถ้าหากแต้มครีมไม่ถูกจุดก็จะทำให้เกลี่ยครีมได้ไม่ทั่วทั้งใบหน้าเลยก็ได้ 

3. การทาครีมบำรุงผิวหน้าไม่ได้เป็นเพียงแค่การบำรุงเฉพาะผิวหน้าเท่านั้น ควรทาครีมบำรุงที่บริเวณคอด้วย หากทาครีมบำรุงเฉพาะใบหน้าแต่เว้นช่วงลำคอจะทำให้ประสิทธิภาพของครีมบำรุงนั้นได้แค่เฉพาะใบหน้าเท่านั้น เช่น หากเราทา เซรั่มหน้าใส เฉพาะใบหน้า ก็จะทำให้ใบหน้าเราดูใส สุขภาพดี แต่ช่วงคออาจมีการหมองคล้ำได้ ถ้าเป็นครีมหน้าขาวก็จะทำให้ใบหน้าเราขาวแต่คอดำได้ กลายเป็นหน้าลอยไปเลย ถ้าเป็นครีมที่ลดริ้วรอยก็ควรทาที่คอด้วย เพราะที่คอก็เป็นส่วนที่มีการเกิดริ้วรอยได้มากเช่นกัน หลักการทาครีมบำรุงทั้ง ครีมหน้าใส ครีมหน้าขาว ครีมลดริ้วรอย ทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่เกลี่ยครีมบำรุงที่คอจากล่างขึ้นบน

การทาครีมบำรุงให้เหมาะสมเป็นการเพิ่มผลลัพธ์ให้แก่ผิวหน้าเราได้เป็นอย่างดี ปริมาณในการทาครีมก็สำคัญ ถ้าหากทาครีมน้อยไปก็อาจทำให้ได้รับการบำรุงไม่เพียงพอและไม่ทั่วถึงนั่นเอง แต่ถ้าใช้ครีมในปริมาณมากเกินไปก็อาจทำให้ตัวครีมไปอุดตันรูขุมขนแทนได้ ทำให้เกิดปัญหาสิวตามมา นอกจากปริมาณครีมแล้ว การล้างหน้าให้สะอาดมากที่สุดก่อนลงสกินแคร์บำรุงผิวก็ช่วยให้ใบหน้าได้รับการบำรุงจากครีมได้ดีมากขึ้น อย่าลืมทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ บางคนอาจสงสัยว่าทำไมใช้ครีมเหมือนกันแต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นไม่เท่ากัน ให้ลองเช็คตัวเองดูว่าได้ทาครีมและป้องกันผิวอย่างถูกต้องแล้วหรือยัง