วิตามินซี ที่สุดของสารอาหารบำรุงร่างกายและผิวพรรณ

ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าการบริโภควิตามินซีนั้นดีต่อสุขภาพของตัวเอง เราอาจบริโภคส้มหรือเกรปฟรุตเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเองในช่วงฤดูหนาว เราสามารถรับประโยชน์และสารอาหารจากวิตามินซีได้ทั้งการบริโภคและการทาภายนอก วิตามินซี เกิดขึ้นตามธรรมชาติในผิวหนัง แต่ยังมีประโยชน์มากมายเมื่อใช้ทาเฉพาะที่ มาดูรายละเอียดเพิ่มเติมว่าวิตามินซีคืออะไร หาได้ที่ไหนและสามารถทำอะไรให้กับผิวของเราได้บ้าง

วิตามินซีคืออะไร

ตามที่สถาบัน สุขภาพ แห่งชาติระบุว่าวิตามินซีหรือที่เรียกว่ากรดแอสคอร์บิก เป็นสารอาหารที่ละลายน้ำได้ ร่างกายต้องการวิตามินซีเพื่อสร้างกล้ามเนื้อและคอลลาเจนซึ่งช่วยในการรักษาบาดแผลและทำให้ผิวหนังมีความอวบอิ่มและเต่งตึง นอกจากนี้ยังถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายและตามที่ Mayo Clinic กล่าวว่าวิตามินซีอาจช่วยป้ดองกันอนุมูลอิสระที่เป็นอันตราย วิตามินซีพบได้ในผลไม้รสเปรี้ยวเช่นเดียวกับบรอกโคลี พริก มันฝรั่งอบและมะเขือเทศ วิตามินซีพบได้ตามธรรมชาติในผิวหนัง มีการตั้งข้อสังเกตว่าผิวธรรมดาที่มีวิตามินซีเข้มข้นสูงสามารถช่วยสนับสนุนการทำงานที่สำคัญและเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของการกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจนและช่วยในการป้องกันสารต้านอนุมูลอิสระจากแสงที่เกิดจากรังสียูวี

วิตามินซีเฉพาะที่คืออะไร

วิตามินซีที่พบในผลิตภัณฑ์ ดูแลผิว มักจะระบุว่าเป็นกรดแอสคอร์บิก กรดแอลแอสคอร์บิก แมกนีเซียมแอสคอร์ไบล์ฟอสเฟต โซเดียมแอสคอร์ไบล์ฟอสฟาเตม แอสคอร์ไบล์พาลมิเตทและเรตินิลแอสคอร์เบต แต่ที่ใช้กันมากที่สุดคือกรดแอลแอสคอร์บิกและยังเป็นกรดที่มีการวิจัยมากที่สุด จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยวิสคอนซินแมดิสัน กรดแอลแอสคอร์บิกเป็น วิตามินซี ที่บริสุทธิ์และมีศักยภาพมากที่สุด เป็นเพียงชนิดเดียวที่สามารถดูดซึมทางผิวหนังได้เต็มที่ เมื่อกรดแอลแอสคอร์บิก (วิตามินซี) ถูกนำไปใช้กับผิวหนังจะถูกดูดซึมทันที ไม่สามารถล้างออกได้และจะคงอยู่ในผิวหนังได้นานถึง 72 ชั่วโมง

วิตามินซีมีประโยชน์ต่อผิวพรรณอย่างไร

วิตามินซีถือเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ บำรุงผิว ที่มีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์รอบด้านอย่างแท้จริง แพทย์ผิวหนังด็อกเตอร์แพทริเซีย เว็กซ์เลอร์ กล่าวกับ CNN ว่าวิตามินซีเฉพาะที่มีศักยภาพมากกว่าการรับประทานถึง 20 เท่า แล้ววิตามินซีเหล่านั้นให้อะไรแก่ผิว วิตามินซีเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดในการช่วยให้ผิวดูสว่างขึ้น เนื่องจากวิตามินซีเป็นกรดจึงช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ทำให้ใบหน้าดูเรียบเนียน กระจ่างใสขึ้นและรู้สึกนุ่มขึ้น นอกจากนี้ยังอาจยับยั้งการสร้างเม็ดสีซึ่งส่งผลให้ผิวดูสดใสขึ้น การใช้งานเป็นประจำอาจช่วยลดริ้วรอยอันเนื่องมาจากการหมุนเวียนของเซลล์

ในบทความที่ตีพิมพ์ใน American Academy of Dermatology แพทย์ผิวหนังที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการ Lauren Eckert Ploch ชี้ให้เห็นว่าผู้หญิงในวัย 30 ปีที่อยู่ในทางแยกของการป้องกันและการรักษาผิวสำหรับสิ่งต่าง ๆ เช่น จุดด่างดำ สามารถลองใช้วิตามินซีและเรตินอยด์เฉพาะที่ควบคู่ไปด้วยพร้อมกับครีมกันแดด วิตามินซีอาจช่วยเพิ่มระดับความชุ่มชื้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจับคู่กับกรดไฮยาลูโรนิกที่ช่วยในเรื่องลดรอยแผลเป็นจากสิวรวมทั้งรอยคล้ำใต้ตา แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดที่วิตามินซีสามารถทำได้ 

วิตามินซีคือสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยป้องกันรังสียูวีได้

วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพซึ่งหมายความว่าช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ โมเลกุลของออกซิเจนที่ไม่เสถียรซึ่งจะทำลายเซลล์ผิวและทำให้เกิดริ้วรอย วิตามินซีอาจช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของแสงแดดและลดริ้วรอย วิตามินซีอาจช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังคิดว่า วิตามินซี มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและอาจช่วยปรับปรุงสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ 

บทความปี 2013 โดย Pumori Saokar Telang ใน Indian Dermatology Online Journal บันทึกว่าวิตามินซีเป็นยาที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและมีผลกระทบหลายประการ ด้วยความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมพบว่ามีการใช้เพิ่มขึ้นในเรื่องของการรักษารอยดำ การอักเสบของเนื้อเยื่อและการส่งเสริมการรักษาเนื้อเยื่อ วิตามินซีอาจช่วยป้องกันรังสียูวีได้บ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถใช้วิตามินซีทดแทนครีมกันแดดได้ ดังนั้นควรคิดว่าการใช้วิตามินซีเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการกันแดดที่ดีกว่า

บทความปี 1998 ในวารสารศัลยกรรมความงามโดย Sheldon R.Pinnell, MD และ Doren L. Madey, PhD กล่าวว่าการศึกษาใหม่แสดงให้เห็นว่าวิตามินเฉพาะที่ (L-ascorbic acid) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยมสำหรับ UVA และ UVB (290 ถึง 320 นาโนเมตร) การป้องกันทำให้เป็นส่วนเสริมที่มีประโยชน์สำหรับครีมกันแดด (แต่ไม่ใช่การใช้แทนที่) ผู้เขียนยังตั้งข้อสังเกตว่าไม่เหมือนกับครีมกันแดดส่วนใหญ่ เมื่อวิตามินซีเข้าสู่ผิวหนังแล้วจะไม่สามารถถูหรือล้างออกหรือขับออกทางเหงื่อได้

บทความปี 2011 โดย Alexander J.Michels, Ph.D. ที่ Linus Pauling Institute จาก Oregon State University อธิบายถึงประโยชน์ของวิตามินซีในลักษณะนี้ว่าการออกแบบการศึกษาข้อมูลชี้ให้เห็นว่าวิตามินซีมีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันความเสียหายที่เกิดจากแสงยูวีและยังมีประโยชน์ในการรักษาความเสียหายจากแสงแดดหรือผิวหนังเหี่ยวย่น แม้ว่าวิตามินซีจะมีประโยชน์ต่อผิวแห้งและอาจสนับสนุนการรักษาบาดแผล แต่ก็จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบผลของวิตามินซีต่อทั้งสองอย่าง ประการสุดท้ายผลที่ดีที่สุดของการใช้วิตามินซีจะเห็นผลได้ชัดมากขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับสารอาหารรองอื่น ๆ เช่นวิตามินอีและสังกะสี

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใดบ้างที่มีส่วนผสมของวิตามินซี

วิตามินซีพบได้ในผลิตภัณฑ์ บำรุงผิว หลายชนิด เช่น มอยส์เจอร์ไรเซอร์ มาสก์ โทนเนอร์ สเปรย์น้ำแร่ น้ำมัน ครีมบำรุงรอบดวงตาและคลีนเซอร์ นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายวิตามินซีในรูปแบบผงที่สามารถผสมเพิ่มลงในมอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือเซรั่มหรือผสมกับน้ำได้ วิธีที่พบบ่อยที่สุดในการรับวิตามินซีคือในเซรั่ม เนื่องจากมีน้ำหนักเบา ดูดซึมได้เร็วและสามารถแบ่งชั้นใต้ผลิตภัณฑ์ได้ การใช้เซรั่มเพียงไม่กี่หยดและคนส่วนใหญ่มักจะทาก่อนใช้ครีมบำรุงผิวในตอนเช้า โดยทั่วไป วิตามินซี จะพบในผลิตภัณฑ์ที่เป็นน้ำหรือในรูปแบบที่ปราศจากน้ำ (แบบผง) ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีทั้งหมดควรเก็บไว้ในที่แห้งและเย็น เก็บให้พ้นจากแสงแดดโดยตรง

วิธีใช้วิตามินซีและปริมาณที่เหมาะสม

ผลิตภัณฑ์วิตามินซีที่เราเลือกควรกำหนดว่าควรใช้อย่างไรและเมื่อใด หากใช้เซรั่มวิตามินซี ควรทาในตอนเช้าเพราะอาจช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีได้ เว็บผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ผสมวิตามินซีบางชนิดมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เฉพาะในเวลากลางคืน ดังนั้นโปรดอ่านฉลากอย่างละเอียด วิตามินซีเหมาะสำหรับทุกสภาพผิวและทุกวัย ไม่ว่าเราจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่และมีผิวแห้ง ผิวมัน ผิวธรรมดาหรือแพ้ง่าย อย่างไรก็ตามเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ทั้งหมด การระคายเคืองอาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วควรทดสอบอาการแพ้ก่อนและดูว่าผิวของเรามีปฏิกิริยาอย่างไร

ทุกผลิตภัณฑ์มีวิตามินซีในปริมาณที่แตกต่างกัน ให้อ่านฉลากอย่างละเอียด ผลิตภัณฑ์ ดูแลผิว ส่วนใหญ่มักจะมีวิตามินซีระหว่าง 15-20 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่บางชนิดมีมากถึง 30 เปอร์เซ็นต์ เมื่ออ่านรายการส่วนผสม วิตามินซีควรเป็นหนึ่งในส่วนผสมแรก ๆ เราอาจจำเป็นต้องมีการลองผิดลองถูกเล็กน้อยเพื่อค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของเรา เนื่องจากความเข้มข้นที่สูงขึ้นอาจทำให้ผิวของเราระคายเคืองได้ ความเข้มข้นที่มากขึ้นไม่ได้ดีกว่าเสมอไปเมื่อพูดถึงส่วนผสมบางอย่าง หากเรายังใหม่กับวิตามินซี ให้เริ่มด้วยความเข้มข้นที่น้อยลงก่อนและค่อยเพิ่มปริมาณมากขึ้น

วิตามินซีมีข้อเสียหรือไม่

วิตามินซีไม่คงตัวมากนัก ซึ่งหมายความว่ามันจะแตกตัวเมื่อโดนแสง ความร้อนและอากาศ ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้ประสิทธิภาพของวิตามินซีลดลง มองหาบรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิทแบบปั๊มหรือขวดแก้วสีเข้ม การเติมกรดเฟรูลิกและวิตามินอีอาจช่วยให้สูตรคงตัวได้ วิตามินซีอาจทำให้เกิดอาการแสบหรือแดงเล็กน้อยเมื่อทาครั้งแรก โดยปกติจะหายไปเมื่อใช้งานอย่างต่อเนื่อง แต่ข้อกังวลเหล่านี้ควรปรึกษากับผู้ให้บริการด้านการแพทย์ แมกนีเซียมแอสคอร์ไบล์ฟอสเฟตเป็น วิตามินซี ที่ละลายในน้ำมีแนวโน้มที่จะระคายเคืองน้อยกว่ากรดแอลแอสคอร์บิก ดังนั้นจึงอาจดีกว่าสำหรับผิวบอบบาง

หากเรากำลังใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเรตินอล เราอาจต้องมีการสลับวันที่จะใช้เรตินอลและวิตามินซีเพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองผิวหนัง หากเรากำลังใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกรดซาลิไซลิกและกรดไกลโคลิก เราอาจต้องการหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินซีในวันเดียวกัน รายการส่วนผสมในผลิตภัณฑ์วิตามินซีควรมีรูปแบบของวิตามินซีระบุไว้ เช่น L-ascorbic acid, sodium ascorbyl phosphatem ascorbyl palmitate หรือ retinyl ascorbate

เซรั่มหลายชนิดผสมผสานวิตามินซีกับสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินอื่น ๆ สูตร บำรุงผิว ที่เหมาะกับเราจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความกังวลของผิว เช่น ผิวแห้งหรือริ้วรอย หากให้ความสำคัญกับการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ให้มองหาเซรั่มที่มีกรดไฮยาลูโรนิกที่สามารถกักเก็บน้ำได้ถึง 1,000 เท่าหรือกลีเซอรีนที่เป็นสารให้ความชุ่มชื้น เซรั่มอื่น ๆ มีเอนไซม์ผลไม้เพิ่มเติมที่มาจากเบอร์รี่ ทับทิมหรือพลัม เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งจะช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น เซรั่มวิตามินซีบางชนิดมีผักใบเขียว เช่น สาหร่าย ผักโขมและผักคะน้า เป็นสารต้านอนุมูลอิสระเช่นกัน