เอสเซ้นส์ มีความสำคัญอย่างไรในการบำรุงผิว

เราอาจรู้สึกสับสันและหนักใจที่พยายามติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ ในการดูแลผิว บางคนอาจตามไม่ทันเทรนด์ใหม่ ๆ ในเรื่องความงามที่มีมาไม่รู้จบ อาจไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่คุ้มค่ากับเวลาของเราที่จะต้องลอง แต่บางผลิตภัณฑ์ก็มี เอสเซ้นส์ เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่เราอาจเคยได้ยินและสงสัยมาก่อน อยากให้บางคนลองหันมาสนใจแล้วจะพบว่ามันคุ้มค่ากับเวลาของเรา ในความเป็นจริงผู้หญิงเกาหลีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวที่มีผิวหน้าดีและเราทุกคนรู้ดีว่าเป็นเวลาหลายปีแล้วที่ ความงาม ของเกาหลีอยู่ในระดับแนวหน้าของทุกสิ่งที่ต้องทำเพื่อให้ได้ผิวสวยกระจ่างใส มาดูรายละเอียดกันว่าเอสเซนส์คืออะไรและเราจะนำเอสเซ้นส์เข้ามาใช้ในการดูแลผิวของเราอย่างไร

Essence เอสเซ้นส์ คืออะไร

เอสเซนส์คือสารให้ความชุ่มชื้นและให้ความรู้สึกผ่อนคลายที่มีเนื้อเหลว แม้ว่าจะมีปริมาณมากกว่าน้ำหรือโทนเนอร์มากก็ตาม ตามเนื้อของเอสเซนส์จะมีน้ำหนักเบาและมีส่วนผสมที่เข้มข้นน้อยกว่าเซรั่มทั่วไปของเรา เช่นเดียวกับเซรั่ม เอสเซ้นส์มักจะใช้ในขั้นตอนหลังจากทำความสะอาดใบหน้าและใช้โทนเนอร์แล้ว (ควรใช้ก่อนเซรั่ม) เอสเซ้นส์ มีจุดมุ่งหมายเพื่อมอบส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นสูง เช่น กรดไฮยาลูโรนิกและสารสกัดจากพืชธรรมชาติเพื่อบำรุงผิวอย่างล้ำลึกและให้ความชุ่มชื้น เอสเซนส์จะช่วยให้เซรั่มและมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เราใช้หลังจากนั้นซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น

นอกจากนี้สาระสำคัญบางอย่างของเอสเซนส์ยังช่วยปรับสมดุลของค่า pH สิ่งนี้มีความสำคัญเนื่องจากหลายครั้งที่น้ำยาทำความสะอาดที่ใช้สบู่ที่รุนแรงกว่านั้นอาจทำให้ผิวของเราขาดน้ำมันตามธรรมชาติได้ แม้ว่าเราจะต้องการลดปริมาณน้ำมันเหล่านี้บ่อยครั้ง แต่การที่น้ำมันออกมากเกินไปอาจส่งผลอันตรายต่อผิวหนังและทำให้เกิดน้ำมันมากขึ้นกว่าเดิม สาระสำคัญที่แท้จริงคือเราไม่ควรสับสนกับเซรั่ม เอสเซนส์มักจะเป็นน้ำมากกว่าจึงไม่สามารถกักเก็บสารออกฤทธิ์ที่มีความเข้มข้นเท่ากันได้ อย่างไรก็ตามเราอาจจะมีการสับสนกันบ้าง เพราะทั้ง เอสเซ้นส์ และเซรั่มมีการพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ พวกมันก็เหมือนกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ในบางกรณีเอสเซนส์จะมีเนื้อหนักขึ้นและมีน้ำหนักมากขึ้น ในขณะที่เซรั่มทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม เบาลงและมีน้ำมากขึ้น ตามที่กล่าวไว้เราอาจรู้สึกเหมือนมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีความเจือจางสูง แต่ก็เต็มไปด้วยส่วนผสมที่ช่วยบำรุงและต่อต้านริ้วรอยที่ช่วยให้ผิวอิ่มเอิบ ต่อต้านอนุมูลอิสระและให้ความชุ่มชื้นรวมถึงประโยชน์อื่น ๆ

ทำไมเอสเซนส์จึงมีความสำคัญต่อการดูแลผิวของเรา

น้ำยาทำความสะอาด โทนเนอร์และมอยส์เจอร์ไรเซอร์แม้ว่าจะมีความสำคัญมาก แต่ก็ไม่ได้ให้สารออกฤทธิ์ที่มีความเข้มข้นเท่ากันซึ่งจำเป็นต่อการป้องกันการทำลายสภาพผิวและการสูญเสียความชุ่มชื้นที่ก่อให้เกิดริ้วรอย ความแห้งกร้านและไม่เรียบเนียน ในทางกลับกัน essence  มีส่วนผสมที่มีความเข้มข้นสูง สามารถช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น แข็งแรงขึ้นและสามารถทนต่อแรงกดดันจากภายนอกที่ทำให้ความสมบูรณ์ของผิวลดลง โดยพื้นฐานแล้วการใช้ เอสเซ้นส์ จะช่วยให้เราสร้างเกราะป้องกันผิวที่แข็งแรงที่มีโอกาสน้อยที่จะโดนบุกรุก 

เกราะป้องกันผิวประกอบด้วยเซลล์ผิวหนังและไขมันที่ปกป้องผิวจากปัจจัยภายนอก เช่น แบคทีเรีย ที่เป็นอันตรายมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมและจุลินทรีย์อื่น ๆ หากเกราะป้องกันผิวหนังถูกทำลาย เราอาจรู้สึกว่าผิวแห้ง แตก ระคายเคืองทั่วไปและแพ้ง่าย การดูแลผิวให้ชุ่มชื้นด้วยเอสเซนส์และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ สามารถช่วยให้เกราะป้องกันผิวแข็งแรงและมีสุขภาพดี ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากอายุ 40 ปี ไขมันตามธรรมชาติที่เป็นส่วนหนึ่งของเกราะป้องกันผิวเริ่มลดจำนวนลงซึ่งเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดความแห้งกร้านเมื่อเราอายุมากขึ้น การใช้เอสเซนส์เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการดูแลผิวของเราสามารถช่วยป้องกันสิ่งนี้ได้

Essences มีการทำงานอย่างไร

เอสเซนส์บนใบหน้ามีไว้เพื่อรับมือกับปัญหาผิวที่หลากหลายรวมถึงการให้ความชุ่มชื้น ความกระจ่างใสและกระชับมากขึ้น เอสเซนส์สามารถช่วยคืนความกระจ่างใส เปล่งประกายและชุ่มชื้นเพื่อลดความแห้งกร้านและช่วยต่อต้านสัญญาณแห่งวัย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา เอสเซนส์ มีกระบวนการทำงานโดยให้ผิวของเราได้รับส่วนผสมในการต่อต้านริ้วรอย เพิ่มความกระจ่างใสอย่างรวดเร็วและสารอาหารที่จำเป็นมาก เช่น กลีเซอรีน กรดไฮยาลูโรนิกและวิตามิน 

ความสม่ำเสมอเหมือนน้ำของเอสเซนส์ยังช่วยให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ง่ายขึ้น ทำให้แน่ใจว่าเราจะได้รับประโยชน์ดี ๆ จากเอสเซนส์โดยเร็วที่สุด เพื่อผลลัพธ์ แต่งหน้า ที่ดีที่สุด ให้ใช้เอสเซนส์ด้วยมือที่แห้งและสะอาดหลังจากทำความสะอาดและกระชับสัดส่วนแล้ว ใช้ปลายนิ้วตบเบา ๆ ให้ทั่วผิว หลังจากใช้เอสเซนส์แล้วให้ตามด้วยเซรั่มและมอยส์เจอไรเซอร์ตามปกติ วิธีอื่นในการใช้งานคือการถูเอสเซนส์ระหว่างฝ่ามือแล้วใช้มือกดเบา ๆ ให้ทั่วใบหน้า

การเลือกใช้เอสเซนส์จากส่วนผสม

เอสเซนส์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากให้ดูที่ส่วนประกอบเป็นหลัก ส่วนผสมที่มาจากญี่ปุ่น เช่น ชาเขียว ข้าวและสาหร่าย เพื่อให้คุณประโยชน์ในการต่อต้านริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้นที่มีศักยภาพและผลลัพธ์ที่สวยงาม ส่วนผสมเหล่านี้ถูกหมักเพื่อสร้างกรดแลคติกที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเพื่อเพิ่มการหมุนเวียนของเซลล์ เผยให้เห็นความเปล่งปลั่งสดใส ในขณะที่ช่วยลดความหมองคล้ำได้อีกด้วย

ทุก ๆ คนคงจะเคนได้ยินชื่อนี้มาบ้าง SK-II Facial Treatment Essence อันโด่งดัง แก่นแท้ของ SK-II เป็นความคลาสสิกที่มีส่วนผสมที่มีศักยภาพและมีชื่อเสียงอย่าง Pitera ซึ่งได้มาจากการหมักยีสต์ พบสารอาหารมากกว่า 50 ชนิดในพิเทร่าทำให้ได้รับการบำรุงอย่างแท้จริงที่ช่วยต่อสู้กับสัญญาณแห่งวัยและความหมองคล้ำโดยรวม เอสเซนส์ นี้ให้ความชุ่มชื้นอย่างทั่วถึงโดยไม่ทำให้ใบหน้ามันเยิ้มเกินไปและสามารถใช้ได้กับผู้ที่มีผิวมันมากกว่า สูตรนี้ยังช่วยผลัดเซลล์ผิว รูขุมขนกระชับและยังช่วยป้องกันการเกิดสิวได้อีกด้วย

หากเราประสบปัญหาการผิวหน้าหมองคล้ำ เต็มไปด้วยรอยดำจุดด่างดำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ ให้เลือกเอสเซนส์ที่เต็มไปด้วยส่วนผสมที่ยับยั้งเม็ดสีเมลานิน เช่น วิตามินซี เอสเซนส์นี้จะช่วยลดเลือนจุดด่างดำที่เกิดจากรอยแผลเป็นจากสิวหรือแสงแดด การใช้เป็นประจำจะช่วยให้เรามีผิวที่กระจ่างใสและกระชับยิ่งขึ้น เอสเซนส์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิกจะช่วยให้ผิวเราอวบอิ่มและผิวหน้าละเอียดมากยิ่งขึ้น 

เอสเซนส์บางยี่ห้ออาจมีความโดดเด่นในเรื่องของการปกป้องผิวจากมลภาวะแสงแดดและอนุมูลอิสระ ส่วนผสมที่มีคุณสมบัติเช่นนี้มาจากใบชาเขียวที่รวบรวมจากเชิงเขาบนเกาะเชจูในเกาหลีใต้ (ส่วนมากจะเป็นผลิตภัณฑ์ essence ที่มาจากเกาหลีใต้) เป็นส่วนผสมที่มีฤทธิ์และป้องกัน เป็นสิ่งที่ช่วยบำรุงให้ความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวทำให้รู้สึกนุ่มนวล ดูสดใสและมีชีวิตชีวา ถ้าอยากให้รูขุมขนกระชับมากขึ้นให้เลือกส่วนผสมอย่างอาติโช๊คและส่วนผสมอื่น ๆ ที่มีส่วนช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย

สรุป

ในอุตสาหกรรมความงาม บางคนเชื่อว่ามีเส้นแบ่งระหว่าง เอสเซนส์ และเซรั่มนั้นเริ่มขยับเข้ามาใกล้กันแล้ว นั่นเป็นเพราะตามที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้เอสเซนส์บางส่วนจะมีเนื้อเนื้อสัมผัสที่หนักขึ้นและเต็มไปด้วยส่วนผสมที่เข้มข้นขึ้น ในขณะเดียวกันเซรั่มบางตัวก็มีน้ำหนักเบามากขึ้น สิ่งนี้อาจทำให้เกิดความสับสน แต่ถ้าเรารวมทั้งสองอย่างไว้ในขั้นตอนการดูแลผิวของเรา เราก็พร้อมแล้วที่จะมีใบหน้าที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เซรั่มยังหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่หนักกว่าหลายอย่าง (ซึ่งทำให้ครีมมีเนื้อหนาขึ้น) ที่พบในมอยส์เจอร์ไรเซอร์ทั่วไป ดังนั้นจึงสามารถคัดสรรส่วนผสมที่เข้มข้นกว่าได้

ส่วนผสมเหล่านี้แทรกซึมไปยังพื้นที่ผิวที่มีปัญหาและความกังวลของผิวโดยทั่วไป เช่น ฝ้า ริ้วรอยและการเปลี่ยนสีผิว เรายังสามารถมองหาส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น เช่น เซราไมด์ กรดไฮยาลูโรนิกและกรดไขมันจำเป็นหรือส่วนผสมที่ป้องกันการอักเสบ เช่น ว่านหางจระเข้และสังกะสี หรือส่วนผสมที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซีและสารสกัดจากเมล็ดองุ่น ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสิ่งที่ผิวของเราต้องการ หากเรากังวลเกี่ยวกับริ้วรอยแห่งวัย ส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นและสารต้านอนุมูลอิสระคือทางออกที่ดีที่สุดของเรา ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่ย่อยสลายคอลลาเจนและอีลาสตินิในขณะเดียวกันก็ให้ความชุ่มชื้นเพื่อให้ผิวนุ่มและอวบอิ่มช่วยให้ริ้วรอยดูลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ในอีกกรณีหนึ่งหากเป็นโรคทางผิวหนัง เช่น เรื้อนหรือโรซาเซีย การใช้เซรั่มอาจทำให้อาการของเราแย่ลงได้ เนื่องจากในเซรั่มที่ส่วนผสมที่มีความเข้มข้นสูงกว่าทำให้มีโอกาสเกิดการระคายเคืองได้ นอกจากนี้หากผิวของเราแห้ง เซรั่มจะไม่ให้ความชุ่มชื้นเพียงพอและเราควรพึ่งมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีเนื้อหนักกว่า อย่างไรก็ตามหากเรามีผิวแห้งและต้องการใช้เซรั่ม เราสามารถติดตามด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ อย่าลืมใช้เซรั่มเท่าที่จำเป็นเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว นอกจากนี้อย่าลืมว่าการใช้ทั้ง เอสเซ้นส์ และเซรั่มในกิจวัตรประจำวันของเราไม่มีอันตรายใด ๆ