บำรุงเล็บ สวยได้ดั่งใจด้วยตัวเอง

เชื่อว่ามีสาว ๆ หลายคนที่ขาดการทาเล็บทั้งมือและเท้าไม่ได้เลย เพราะมันดูไม่มีชีวิตชีวา ทำให้การไปร้านทำเล็บกลายเป็นหนึ่งกิจกรรมยอดฮิต แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางครั้งก็ไม่ได้ไปร้านได้ดั่งที่ใจต้องการ อาจจะติดธุระจนไม่มีเวลา แต่พอมีเวลาว่างพอก็ดันคิวเต็มซะนี่ ถ้าสาว ๆ กำลังเผชิญอยู่กับปัญหานี้ หรือกำลังชั่งใจอย่างกลัว ๆ กล้า ๆ กับการทาเล็บด้วยตนเองแล้วล่ะก็ ต้องลองนำเอาขั้นตอนพร้อมเคล็ดลับ ไลฟ์สไตล์ การทาเล็บด้วยตนเองไปใช้ ไม่แน่นะ อาจจะไม่ต้องง้อช่างอีกแล้วก็ได้ใครจะไปรู้

บำรุงเล็บ ทาเล็บด้วยตนเองต้องมีอุปกรณ์อะไรบ้าง

ชิ้นที่ 1 Cuticle Pusher ปากกาแซะเล็บ สำหรับดึงหนังกำพร้ารอบ ๆ เล็บออก

ชิ้นที่ 2 Cuticle Remover หรือสาว ๆ จะใช้มะขามเปียก, มะนาวแทนก็ได้เช่นกัน

ชิ้นที่ 3 Cuticle Oil น้ำมันมะพร้าว

ชิ้นที่ 4 ตะไบเล็บ และ Nail Buffer ตะไบเพื่อขัดเล็บเงา

ชิ้นที่ 5 Base Coat น้ำยาทาเคลือบเล็บชั้นแรกก่อนลงทาสีเล็บ

ชิ้นที่ 6 Top Coat น้ำยาทาเคลือบเล็บหลังจากที่ทาสีเล็บ

ชิ้นที่ 7 น้ำยาทาเล็บ

ชิ้นที่ 8 น้ำยาล้างเล็บ

ชิ้นที่ 9 สำลีหรือแผ่นแอลกอฮอล์

ชิ้นที่ 10 อุปกรณ์ตกแต่งเล็บ (ถ้ามี)

ขั้นตอนและวิธีการทาเล็บอย่างช่างมืออาชีพ

ขั้นตอนที่ 1 การทำความสะอาด

ถ้าตอนนี้เล็บไม่มีสีสันใด ๆ ติดอยู่ก็ทำเพียงนำแผ่นแอลกอฮอล์มาเช็ดทำความสะอาดเล็บ เช็ด ยาบำรุงเล็บ ให้ทั่วอย่างเบามือ ไม่ต้องออกแรงขัดหรือถู แต่ถ้ายังไม่ได้ล้างเล็บให้สาว ๆ ทำตามขั้นตอนนี้ได้เลย เริ่มจากเทน้ำยาล้างเล็บลงในสำลีให้ชุ่มกำลังดี นำมาทาบทิ้งไว้บนเล็บ 5-10 วินาที จากนั้นเช็ดเบา ๆ บำรุงเล็บ จะทำให้สีทาเล็บหลุดร่อนออกได้ง่ายขึ้น เมื่อสีเล็บหลุดออกแล้วให้ทา Cuticle remover หรือจะใช้น้ำมะขามหรือน้ำมะนาวแทนก็ได้เช่นกัน แต่ให้ใช้ในปริมาณพอดี ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป ค่อย ๆ ทาลงไปที่โคนเล็บส่วนที่ติดกับหนัง เป็นการทำให้เยื่อขาว ๆ ที่อยู่ระหว่างเล็บกับหนังเกิดทรงได้รูปและสวยงามมากขึ้น เมื่อเล็บยาวขึ้นมาก็จะแข็งแรง ไม่เปราะบาง ต่อจากนั้นเมื่อทำครบทั้ง 10 นิ้วแล้วให้แช่เล็บลงในน้ำสะอาด เพื่อขจัดคราบหรือสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ออกให้หมด

ขั้นตอนที่ 2 ขูด Cuticle ออกให้เรียบร้อย

หลังจากที่แช่เล็บจนอ่อนนุ่มและเช็ดมือให้แห้งแล้ว ให้สาว ๆ นำอุปกรณ์สำหรับการขูดเยื่อ Cuticle ออกจากเล็บที่เรียกว่า Cuticle Pusher มาขูดเอาเยื่อขาว ๆ ออก โดยต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก อย่าขูดหนังลงลึกมากเกินไป เพราะจะทำให้หนังส่วนโคนปลายเล็บถูกเปิดออก กลายเป็นช่องทางให้เชื้อโรคอย่างแบคทีเรียเข้าไปหมักหมมอยู่ในนั้นจนเล็บติดเชื้อ นอกจากนี้แล้วการขูดเยื่อขาวออกแต่ไม่ถึงกับลึกมากจนโคนปลายเล็บเปิดก็ตาม แต่การที่กดลงไปลึกกว่าปกติจะทำให้การทาเล็บมีอุปสรรค ทาติดยากกว่าที่เคยเป็น เพราะฉะนั้นต้องระวังมือ อย่าลงน้ำหนักมากหรือน้อยจนเกินไป แต่ถ้าเกิดว่าขูดออกยากหรือยังไม่สามารถขูดเอาเนื้อเยื่อออกได้ บำรุงเล็บ ให้สาว ๆ แช่มือในน้ำต่ออีกสัก 5 นาทีโดยประมาณ ก็จะทำให้การขูดง่ายขึ้น ไม่เจ็บตัว แต่แต่น้อยมากที่จะขูดไม่ออก เพราะถ้าทำตามขั้นตอนนี้รับรองเลยว่าขูดออกง่ายมาก ๆ

ขั้นตอนที่ 3 จัดทรงเล็บ

หลังจากเล็บสะอาดเรียบร้อยและปราศจากเยื่อขาวมากวนใจแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการจัดทรงเล็บด้วยการตะไบ วิธีการก็ไม่ยาก ก่อนอื่นสาว ๆ ต้องพิจารณาจากโคนเล็บว่ามีรูปทรงในลักษณะแบบใดก็ให้ตะไบไปตามทรงนั้น ๆ เพราะนี่คือเคล็ดลับของการจัดทรงเล็บให้สวยและเหมาะสม ที่สำคัญ ความงาม เมื่อทำตามทรงเล็บแล้วจะจัดทรงได้ง่ายดายมากขึ้น จากนั้นให้ตะไบเล็บจากตรงกลางก่อนแล้วตะไบต่อไปในทิศทางเดียวกัน ตะไบอย่างเบามือ ระวังอย่าให้ผิดทางเพราะอาจจะทำให้เล็บฉีกขาดได้ จากนั้นให้ใช้ตะไบขัดเล็บเงามาปัดที่หน้าเล็บ โดยใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า Nail Buffer เพื่อทำให้หน้าเล็บเรียบ ไม่สะดุด ลดความคมลง และไม่เกิดรอยขรุขระบนหน้าเล็บ เมื่อถูไปมาในทิศทางเดียวกันแล้ว สาว ๆ จะเห็นได้ทันทีเลยว่าเล็บจะเงางามขึ้นมาอย่างชัดเจน

ขั้นตอนที่ 4 ทำความสะอาดอีกครั้ง

หลังจากที่ตะไบเล็บเพื่อจัดทรงแล้วจะเกิดคราบสกปรกมีฝุ่นผงเกาะตามซอกเล็บ บำรุงเล็บ แถมยังมีน้ำมันส่วนเกินออกมาอีก เพราะฉะนั้นจึงต้องทำความสะอาดเล็บกันอีกครั้งโดยใช้น้ำยาล้างเล็บเทลงบนสำสี หรือจะใช้แผ่นแอลกอฮอล์สำเร็จรูปเช็ดบริเวณเล็บให้สะอาดก็ได้เช่นกัน ขั้นตอนนี้จะให้การทาเล็บมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะสีที่ทาลงไปนั้นจะติดทนมากขึ้น และเม็ดสีมีความแน่นขึ้น ทาแล้วเรียบ ไม่ขรุขระหรือเลอะออกมานอกเล็บ

ขั้นตอนที่ 5 เคลือบเล็บกันก่อน

ก่อนที่จะทาเล็บด้วยสีสันต่าง ๆ แนะนำ ครีมบำรุงเล็บ ให้ใช้ Base coat ซึ่งเป็นน้ำยาทาเคลือบเล็บก่อน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เล็บเหลืองและยังช่วยไม่ใช้สีของน้ำยาทาเล็บซึมลึกเข้าสู่เล็บอีกด้วย โดยสาว ๆ ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ด้วยการพิจารณาว่าจะต้องไม่เหนียวหรือมีความหนืดข้นจนเกินไป เพราะความเหนอะหนะจะทำให้แห้งช้าและยังทายากมากขึ้นด้วย

ขั้นตอนที่ 6 ลงสีเล็บตามใจชอบ

มาถึงขั้นตอนที่สำคัญและค่อนข้างยากสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่ชำนาญการในการทาเล็บด้วยตนเอง กลัวว่าจะเลอะเทอะออกมา หรือทาแล้วสีไม่เรียบเนียนสวย หรือจะเรียกขั้นตอนนี้ว่าการวัดใจเลยก็ได้ ดังนั้น สาว ๆ ให้นำเอาวาสลีนมาทารอบ ๆ เล็บ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่ทาแล้วสีเลอะออกมาล้นเล็บ และต่อให้มีหลุดเลอะออกมาบ้าง คุณสมบัติของวาสลีนก็ยังทำให้น้ำยาทาเล็บที่เลอะออกมานั้นเช็ดออกและทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นกว่าไม่ทา

เมื่อทาวาสลีน ครีมบำรุงเล็บ โดยรอบเล็บแล้ว ก่อนจะที่เปิดขวดน้ำยาทาเล็บแนะนำให้สาว ๆ คลึงขวดก่อนด้วยการถูขวดไปมาเบาฝ่ามือ วิธีการนี้จะช่วยทำให้น้ำยาทาเล็บไม่เกิดฟองอากาศ ที่สำคัญ อย่าเผลอไปเขย่าขวดโดยเด็ดขาด ต่อให้สีเหลือน้อยหรือรู้สึกว่าภายในขวดนั้นแห้งกรังเกินไป วิธีการเดียวที่จะช่วยได้ก็คือการคลึงขวดกับฝ่ามือ จากนั้นเมื่อเปิดขวดออกมาแล้วให้ดึงพู่กันขึ้นมา โดยป้ายสีด้านหนึ่งของพู่กันออกกับข้างขวด จนเหลือเนื้อสีติดอยู่ด้านเดียวของพู่กัน ทั้งนี้การทาเล็บให้เริ่มลงสีจากตรงกลางของเล็บก่อน จึงค่อย ๆ ทาขยายข้างออกไปจนเต็มหน้าเล็บ โดยทาทับอย่างน้อย 2 รอบเพื่อให้เม็ดสีแน่นขึ้นและสีเนียนเรียบมากขึ้น

ทั้งนี้จะต้องรอให้สีจากการทาครั้งแรกแห้งดีเสียก่อน จึงค่อยทาอีกรอบทับลงไป หากใจร้อนรีบทาทับไปนั้น สีเล็บจะปูดขึ้นมา ดูไม่สวย และยังทำให้สีหลุดลอกออกง่ายขึ้น ไม่ติดทนนานอีกด้วย

คำแนะนำพิเศษ ครีมบำรุงเล็บ สำหรับการเลือกสีทาเล็บ เพราะบ่อยครั้งการมีโทนสีให้เลือกเยอะก็ตัดสินใจยาก ลองเอาไอเดียที่ปรับใช้ได้กับเสื้อผ้าหน้าตาที่หลากหลายไปใช้ เช่น สีเอิร์ธโทน ถ้านึกโทนสีไม่ออกว่าจะทาสีอะไรดี แนะนำให้สาว ๆ เลือกสีเอิร์ธโทนเอาไว้ก่อน อย่าเพิ่งคิดว่ามันจำเจซ้ำซาก เพราะเป็นเทรนการทาสีเล็บที่ไม่เคยตกอันดับเลย ไม่ว่าแฟชั่นจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปเช่นไร แต่การเลือกทาเล็บด้วยสีเอิร์ธโทนก็สามารถเข้าได้กับทุกยุคทุกสมัย เพราะเป็นสีที่สวยยืนหนึ่ง ไม่สามารถมีอะไรมาลบล้างความสวยนี้ได้เลย เป็นสีที่เข้าไปกับทุกชุด ทาแล้วทำให้มือขาวโดดเด่นอย่างไม่เก้อเขิน ที่สำคัญ สามารถทาสลับสีแบบคุมโทนได้อีกด้วย เช่น สีครีมสลับกับสีน้ำตาล, สีเขียวสลับกับสีน้ำตาล หรือจะสลับกันสามสีเรียงกันก็สวยไปอีกแบบ เป็นต้น นี่จึงอาจจะเป็นที่มาของคำว่าเรียบแต่หรูก็เป็นได้ หรืออีกหนึ่งไอเดียที่เป็นสียอดฮิตที่สาว ๆ นิยมกันมากก็คือ สีพาสเทล เชื่อว่าทุกคนคงเคยได้ยินว่าอะไรก็ดูซอฟท์ลงเมื่อเป็นพาสเทล และเมื่อมาอยู่บนเล็บก็เป็นเช่นนั้น ทำให้ดูหวานละมุนตา ดีต่อใจอย่างมาก รับรองเลยว่าจะทาสีเดี่ยวอย่างสีม่วง, สีเหลือง, สีเขียวตองก็สวย แต่ถ้าจะทาสลับสีกันโดยจับคู่สีม่วงกับสีเหลือง หรือสีม่วงกับสีเขียวมาเรียงสลับกันก็จะสวยเก๋ไปอีกแบบเลยทีเดียว

ขั้นตอนที่ 7 อย่าลืม Top coat

เมื่อเล็บแห้งสนิทดีแล้วให้สาว ๆ นำน้ำยาทาเคลือบเล็บ ยาบำรุงเล็บ หรือที่เรียกว่า Top coat มาทาทับลงไปอย่างเบามือ อย่ากดพู่กันแรงเกินไปเนื่องจากจะทำให้หน้าเล็บเกิดความเสียหาย สีเล็บอาจจะไม่สดหรือหลุดติดออกมา ทั้งนี้ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ Top coat ที่ไม่เหนียวจนเกินไป เพื่อทำให้แห้งเร็วมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อเล็บที่เรียบเนียนและเงางามสวยสะดุดตา

ขั้นตอนที่ 8 ปิดท้ายด้วย Cuticle Oil

อย่าเพิ่งคิดว่าการทาเล็บจะเสร็จลงแล้วถ้ายังไม่ได้ลงครีม บำรุงเล็บ อย่างน้ำมันมะพร้าวหรือ Cuticle Oil รอบ ๆ บริเวณเล็บ ซึ่งเป็นขั้นตอนปิดท้ายที่จะช่วยบำรุงให้เล็บและมือมีสุขภาพดีขึ้น ไม่แห้งกร้านจากการใช้สารเคมีในการทาเล็บมาแต่ละขั้นตอน โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ผิวแห้งมากก็จะเห็นความเหี่ยวย่นหรือแห้งกระด้างที่มือและเล็บอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้น อย่าคิดว่าไม่สำคัญแล้วก็ละเลยการ บำรุงเล็บ และมือไปอย่าน่าเสียดาย อย่าปล่อยให้เล็บสีสวยอยู่ในมือที่เหี่ยวย่นเลยสาว ๆ.