หมวดหมู่
minebeauty

เมนู

สุดยอดวิตามิน บำรุงผิว เผยความงามจากภายใน

minebeauty
628 VIEWS
สุดยอดวิตามิน บำรุงผิว เผยความงามจากภายใน

ผิวที่ สุขภาพ ดี กระจ่างใส ไร้ริ้วรอยเป็นผิวในฝันที่สาว ๆ ทุกคนต้องการ แต่ด้วยในยุคปัจจุบัน ที่ต้องเผชิญกับแสงแดดและมลภาวะต่าง ๆ ซึ่งเป็นศัตรูตัวร้ายที่คอยทำลายผิวพรรณให้หมองคล้ำ ดูไม่กระจ่างใส และยังทำให้มีริ้วรอยแก่ก่อนวัย เป็นสิว และปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมา ซึ่งขั้นในการดูแลผิวอย่างการล้างหน้าให้สะอาดและการทาครีมบำรุงอย่างสม่ำเสมอไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะใคร ๆ ก็ไม่อยากมีจุดด่างดำ หรือ ฝ้า กระ ผู้คนจึงพยายามหาวิธีในการดูแลตัวเองเพื่อให้ผิวใส ๆ อยู่กับเราไปได้นาน ๆ และอีกทางเลือกที่ผู้คนมักนึกถึง คือ การทานวิตามินเพื่อหวังให้ผิวนั้นสวยกระจ่างใส แต่ถึงแม้จะรับประทานวิตามินที่ดีมากสักเพียงใด แต่ถ้าเราไม่ควบคุมปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาผิวก็ทำกับสิ้นเปลื้องโดยใช่เหตุ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวดูสุขภาพไม่ดี มีดังต่อไปนี้

ปัจจัยภายนอก เช่น การที่ผิวถูกทำลายจากแสงแดด ฝุ่นควัน ซึ่งการ บำรุงผิว ป้องกันแดดหรือรังสียูวีเป็นปัจจัยเบื้องต้นของการมีสุขภาพผิวที่ดี เช่น เวลาที่ท่านออกแดดก็ควรมีการปกป้องผิว อย่างการสวมใส่กางเกงขายาว เสื้อแขนยาว สวมหมวกเวลาที่เราขับรถหรือการทำกิจกรรมกางแจ้ง เราก็ต้องปกป้องเพื่อจะได้มีสุขภาพผิวที่ดีไปนาน ๆ และการใช้ครีมกันแดดไม่ว่าจะยี่ห้อใดก็ตาม หลักง่าย ๆ ในการเลือก คือ ต้องดูค่า SPF คือ ค่าป้องกันรังสี ยูวีบี ค่ายิ่งสูงเปอร์เซ็นต์ในการป้องกันก็มีตามไปด้วย และดูค่า PA คือ ค่าที่บอกว่าป้องกันรังสียูวีเอ ควรเลือกที่มีค่าบวกเยอะ ๆ นอกจากนี้การดื่มน้ำ ก็ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อร่างกาย และมีประโยชน์มากต่อเซลล์ผิว ทำให้ผิวชุ่มชื่น และคนที่ออกกำลังกายเยอะ หรือผู้ที่เสียเหงื่อมาก ๆ ก็ยิ่งควรดื่มน้ำให้เยอะขึ้น แต่ถ้าคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายเลย นั่งอยู่แต่ในห้องแอร์ทั้งวันเหงื่อไม่ค่อยออก ก็อาจจะไม่ต้องการน้ำเยอะ แต่ก็อาจไม่ดีเพราะไม่ได้ขยับร่างกายก็อาจเป็นโรคอ้วนแทนได้ และอีกปัจจัยคือถ้าในเมืองร้อนก็ดื่มน้ำมาก แต่ถ้าในเมืองหนาวก็รับประทานน้ำน้อยกว่า นอกจากนี้สุขภาพก็เกี่ยวข้องกับปริมาณการดื่มน้ำ เช่น ถ้าไข้ขึ้นสูงก็ต้องดื่มน้ำมากขึ้น หรือตอนที่เราท้องเสีย หรืออาเจียนก็ต้องการน้ำและเกลือแร่เพิ่มขึ้น หรือในผู้ที่เป็นนิ่วหรือกระเพราปัสสาวะอักเสบการดื่มน้ำน้อยยิ่งไม่ดีต่อสุขภาพ และในผู้ที่ตั้งครรภ์ ควรดื่มน้ำวันละ 10-11 แก้วต่อวัน ส่วนหญิงให้นมบุตรก็ต้องการน้ำเยอะกว่าเดิมเพื่อไปผลิตน้ำนม ประมาณวันละ 13 แก้ว เป็นต้น

สารอนุมูลอิสระก็เป็นตัวทำลายเซลล์ผิว ทำให้ ความงาม ผิวดูหมองคล้ำ ขาดความชุ่มชื่น จุดด่างดำ ริ้วรอยเหี่ยวย่น ซึ่งสารอนุมูลอิสระมีอยู่รอบตัวของเรา ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นควัน PM 2.5 สเปรย์ แสงแดด และสิ่งที่น่ากลัว คือ สารอนุมูลอิสระ สามารถสร้างได้จากร่างกายของเรา เช่น จากความเครียด การสูบบุหรี่ หรือแม้แต่การดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งที่ได้กล่าวมานี้เป็นตัวทำลายเซลล์ผิวทั้งสิ้น

ซึ่งถ้าเราดูแลผิวพรรณและหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาผิวแล้วผิวก็ยังดูสุขภาพไม่ดี ก็สามารถเติม วิตามินบํารุงผิว ลงไปเพื่อให้ผิวสวยจากภายในสู่ภายนอกดังต่อไปนี้ 

วิตามิน บำรุงผิว เพื่อผิวสวยสุขภาพดี

บำรุงผิว

1. วิตามินซี 

เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ๆ วิตามินซีมีส่วนที่สำคัญในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของร่างกาย เช่น เซลล์เนื้อเยื้อ กระดูก ข้อเข่า  ช่วยสร้างภูมิต้านทานภายในร่างกายให้ต่อสู้กับเชื้อโรค ช่วยดูดซึมธาตุเหล็กจากพืช เป็นต้น ซึ่งวิตามินซีประโยชน์มากมายหลายประการต่อร่างกาย ส่วนประโยชน์ทางด้านผิวพรรณจากงานวิจัยพบว่า ช่วย บำรุงผิว ต่อสู้กับริ้วรอยบนผิวหนัง ทำให้ผิวชุ่มชื่น กระจ่างใส ป้องกันเม็ดสีที่เข้มให้จางลง ซึ่งควรทานวิตามินซี วันละ 1,000 มก. 

ซึ่งถ้าหากขาดวิตามินซีจะมีผลกระทบต่อร่างกาย เช่น  ปวดกล้ามเนื้อ ปวดเส้นเอ็น ปวดเส้น  เลือดออกตามไร้ฟัน แผลหายช้า ซึ่งแหล่งของวิตามินซีนั้นเราสามารถรับเข้าร่างกายได้จากการรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง ๆ อย่างเช่นในผลไม้ ได้แก่ ส้ม มะนาว ฝรั่ง สตรอเบอร์รี่ มะขามป้อม เป็นต้น ส่วนวิตามินซีจากผัก ได้แก่ บล็อกคอรี่ ผักคะน้า ผักโขม ใบมะรุม ซึ่งการรับประทานวิตามินซี ควรทานอย่างพอเหมาะและควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญว่าควรรับประทานเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอต่อร่างกาย ซึ่งแต่ละคนต้องการไม่เท่ากัน โดยการตรวจหาค่าวิตามินจากผลเลือดว่ามีมากหรือน้อยเพียงใด ซึ่งในผู้ที่ขาด อาจทานวิตามินเสริมได้ แต่ถ้าในผู้ที่ไม่ได้ขาดหรือมีมากอยู่แล้วจากการทานอาหารปกติ วิตามินบํารุงร่างกาย ก็ไม่จำเป็นที่ต้องซื้อวิตาซีมาทานเพราะทานเข้าไปก็จะมากเกินไปหรือเป็นการสิ้นเปลื้องโดยเช่นเหตุ

2. วิตามินอี

ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลที่มีประสิทธิภาพสูงอีกด้วยตัวหนึ่ง ช่วยในการปกป้องและ บำรุงผิว ในการต่อสู้กับแสงแดดซึ่งร่างกายจะดูดซึมแสงแดดให้เข้าสู่ผิวหนังน้อยลง ซึ่งปกติร่างกายของเราจะผลิตวิตามินอีผ่านต่อมไขมัน และวิตามินอีละลายในไขมัน โดยวิตามินอีช่วยปกป้องเซลล์ต่าง ๆ จากสารอนุมูลอิสระ ซึ่งวิตามินอีมีส่วนสำคัญในการบำรุงผิวพรรณ โดยเพิ่มความชุ่มชื่น ชะลอรอยเหี่ยวย่น รอยตีนกา รอยดำได้ดี  และมีส่วนช่วยลดไขมันไม่ดีอย่าง LDL บำรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด และต่อสู้กับเซลล์เนื้องอกหรือเซลล์ที่จะกลายพันธุ์ไปเป็นเซลล์มะเร็ง ช่วยลดสารก่อมะเร็ง 

อาหารที่มีวิตามินอีสูง วิตามินบํารุงร่างกาย อย่างพืชตระกูลถั่วและเมล็ดธัญพืช เช่น ถั่วลิสง เมล็ดทานตะวัน อัลมอนด์ เมล็ดฟักทอง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น ส่วนในพืชผักผลไม้ เช่น อะโวคาโด กีวี คะน้า ผักโขม หน่อไม้ฝรั่ง พริกหวาน บล็อกคอรี่ ในเนื้อสัตว์ อย่างในปลาน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน  ปลาทู เป็นต้น และในผู้ที่มีการขาดวิตามินอี จะทำให้ภูมิต้านทานไม่ดี กล้ามเนื้ออ่อนแรง จ่อประสาทตาเสื่อม และในผู้ที่รับประทานมากเกินไปก็จะทำให้เลือดแข็งตัวยาก ซึ่งในผู้ที่จะผ่าตัดหรือทำฟันต้องหยุดวิตามินอีก่อนทำฟันหรือผ่าตัด 1- 2 อาทิตย์ 

3. วิตามินดี

เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน วิตามินบํารุงผิว ซึ่งวิตามินดีช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสสู่ร่างกาย บำรุงระบบกล้ามเนื้อและกระดูก ช่วยป้องกันกระดูดพรุน วิตามินดีสามารถสร้างจากเซลล์ผิวหนังซึ่งรับแสงจากรังสียูวีบีจากแสงอาทิตย์ แล้วร่างกายจะเปลี่ยนไปเป็นวิตามินดี มีส่วนช่วยในการแบ่งเซลล์ ชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว บำรุงผิวพรรณให้ชุมชื่นอ่อนเยาว์ นอกจากช่วยในการ บำรุงผิว แล้ว ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายให้อึดมากขึ้น และครีมที่ใส่วิตามินดีช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง นอกจากนี้วิตามินดียังช่วยในระบบภูมิต้านทาน ต่อสู้กับแบคทีเรีย ไวรัส ควบคุมระดับในตาลในเลือด บำรุงระบบทางเดินอาหาร หลอดเลือด เส้นเลือด ลดอัตราความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่วยลดความเครียด กลุ่มที่เสี่ยงต่อการขาดวิตามินดี คือ ในคนกลุ่มที่มีผิวสีเข้ม กลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคอ้วนหรือผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ในกลุ่มผู้ป่วยโรคไต โรคตับ จึงควรได้รับวิตามินดีวันละ 600 IU ต่อวัน

อาหารที่มีวิตามิน D3 วิตามินบํารุงผิว เยอะ ๆ เช่น ปลาที่มีไขมันมาก ๆ  เช่น ปลาทู ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาเทรา ปลาทูน่า ปลาดุก ในเห็ดมีวิตามิน D2 อยู่เยอะ เช่น เห็ดฝาง เห็ดหอม เห็ดมันปู เห็ดที่ขึ้นตามธรรมชาติจะวิตามิน D2 มากกว่าเห็ดที่เพาะเลี้ยง ซึ่งถ้ามีวิตามินดีในเลือดมากเกินไป ก็จะทำให้คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดท้อง ท้องผูก ท้องเสีย เป็นต้น

ซึ่งวิตามินที่ละลายในน้ำ ถ้าทานในปริมาณมากเกินไปก็ยังสามารถขับออกจากร่างกายได้ง่ายอย่างขับออกทางปัสสาวะ แต่ถ้าวิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น A E D K ถ้าทานเยอะเกินไป การขับออกจากร่างกาย บำรุงผิว เช่น ขับออกทางปัสสาวะก็เป็นไปได้ช้า ดังนั้นก่อนการรับประทานวิตามินท่านควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และวิเคราะห์จากผลเลือดว่าท่านขาดวิตามินตัวไหน เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดนั่นอง

บทความน่าสนใจ

นวดอโรม่า (Aroma Massage) คือ ศาสตร์การนวดอีกแขนงหนึ่งที่มุ่งเน้นการใช้น้ำมันหอมระเหย เข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญประกอบการนวด

โรคซึมเศร้า เป็นอาการผิดปกติของอารมณ์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยทั้งด้านความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมเศร้าหมองที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แฮม เป็นชิ้นเนื้อสัตว์จากต้นขาหลังของสัตว์บางชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สุกร แฮมส่วนใหญ่ผ่านการถนอมอาหารและสามารถรับประทานได้ทั้งแบบสุกและดิบ

อาร์ติโชค เป็นพืชเมืองหนาว มีถิ่นกำเนิดในยุโรปเขตเมดิเตอร์เรเนียน มีสรรพคุณทางยา สามารถบริโภคสดหรือปรุงเป็นอาหาร

ชุดเดรส เป็นเสื้อผ้าที่ผู้หญิงหรือเด็กหญิงมักสวมใส่ ซึ่งเป็นเสื้อผ้าชิ้นเดียวที่มีกระโปรงยาวเท่าใดก็ได้ และสามารถเป็นทางการหรือลำลองก็ได้