ประโยชน์ของอะโวคาโด พร้อมบอกต่อสูตรการดูแลตัวเอง

โดยตอนนี้เราคิดว่าทุกคนส่วนใหญ่นั้นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอะโวคาโดนั้นยอดเยี่ยม ไม่ผักหรือผลไม้กี่อย่างที่มีประสบการณ์เช่นการเปลี่ยนแปลงทางการตลาดอย่างมากในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ในความเป็นจริงแล้วความนิยมของอะโวคาโดนั้นสามารถเทียบได้กับไข่ไก่ที่กินได้เท่านั้น ประโยชน์ของอะโวคาโด เมื่อเชื่อว่าอะโวคาโดเป็นพื้นฐานของการมีสุขภาพที่ไม่ดี อะโวคาโดใช้เวลา 10 ปีอยู่ในรายการอาหารที่ไม่ควรกิน ลองนึกภาพอาหารอร่อย ๆ ที่ทำจากอะโวคาโดที่คนเหล่านั้นพลาดในช่วงนั้นดูสิ

ตอนนี้ขนมปังอะโวคาโดกลายเป็นเรื่องธรรมดาในมื้ออาหารของเราเหมือนกับอาหารเช้าทั่ว ๆ ไปอย่างซีเรียล อะโวคาโดเป็นแหล่งพลังงานทางโภชนาการ อะโวคาโดนั้นปราศจากน้ำตาล แต่ทำให้เรารู้สึกอิ่มและที่สำคัญที่สุดคือไขมันที่ดีต่อ สุขภาพ ที่คนเหล่านั้นในสมัยก่อนเคยทำผิด ในตอนนี้ได้ทำความเข้าใจใหม่แล้วว่าอะโวคาโดทำให้ผิวของเราเปล่งปลั่งและเส้นผมเปล่งประกายจากภายในสู่ภายนอก

ประโยชน์ของอะโวคาโด คืออะไรกันแน่

ในเชิงพฤกษศาสตร์ ผลไม้ของต้นอะโวคาโด (หรือที่รู้จักกันในชื่ออะโวคาโด) เป็นผลเบอร์รี่ขนาดใหญ่ที่มีเมล็ดขนาดใหญ่หนึ่งเมล็ดและคิดว่ามีต้นกำเนิดในหุบเขา Tehuacan ในเมือง Puebla ประเทศเม็กซิโก ผลไม้สุกบนต้นไม้ ประโยชน์ของอะโวคาโด แต่เมื่อโตเต็มที่มันจะหลุดร่วงออกจากต้นไม่ว่าจะเป็นการเก็บเกี่ยวหรือปล่อยตามธรรมชาติ ดังนั้นวางแผนล่วงหน้าและเลือกอะโวคาโดที่ร้านขายของชำ อะโวคาโดเหล่านี้น่าจะสดที่สุดและจะสุกหลังจากผ่านไปสองหรือสามวัน ไม่มีความลับใด ๆ ที่อะโวคาโดประสบความนิยมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา (การบริโภคต่อหัวในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นจาก 1 ปอนด์เป็น 7 ปอนด์ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา) เป็นจำนวนมากจนยากที่จะเชื่อว่าอะโวคาโดนั้นเคยตกเป็นเหยื่อของการประชาสัมพันธ์ที่ไม่ดีเนื่องจากไขมันในระดับสูง

ประโยชน์ของอะโวคาโด

ความนิยมในอาหารไขมันต่ำของยุค 80 และยุค 90 ได้ป้ายสีว่าอะโวคาโดมีปริมาณไขมันเท่ากับแฮมเบอร์เกอร์และสิ่งอื่นใดที่ให้ความสำคัญกับรูปร่าง สุขภาพหรืออื่น ๆ (จำได้ว่าทุกคนหยุดกินไข่ ณ จุดหนึ่ในตอนนั้น) อะโวคาโด ประโยชน์ ในเวลานั้นคิดว่าปริมาณไขมันในอาหารเท่ากับไขมันในร่างกาย แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าไขมันชนิดต่าง ๆ นั้นมีอยู่ด้วยหน้าที่ที่แตกต่างกันและมีผลต่อร่างกายแตกต่างกัน ไขมันทรานส์และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงซึ่งส่วนใหญ่มักพบในอาหารแปรรูป 

แต่ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่พบในน้ำมันมะกอก ถั่วและอะโวคาโดถูกค้นพบเพื่อลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ลดคอเลสเตอรอลและอาจช่วยในการควบคุมน้ำหนัก อะโวคาโดอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวซึ่งช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยลดความต้านทานต่ออินซูลิน ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ลดความดันโลหิต ลดน้ำตาลในเลือดและลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง อะโวคาโดยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ อีและเคที่ละลายในไขมันซึ่งส่งผลต่อการเผาผลาญและช่วยให้ผิวดูมีสุขภาพดี 

ไฟเบอร์ที่มีปริมาณสูงมาก ๆ ประโยชน์ของอะโวคาโด ที่มีอยู่ในอะโวคาโดยังมีส่วนช่วยให้ผลประโยชน์ทั้งหมดที่ระบุไว้ข้างต้นพร้อมกับการรักษาระบบลำไส้ให้แข็งแรงและช่วยในการย่อยอาหาร อะโวคาโดยังเป็นแหล่งโปรตีนที่อุดมไปด้วยผลไม้ชนิดที่มีปริมาณน้ำตาลต่ำที่สุดจึงเหมาะสำหรับสมูทตี้และโภชนาการหลังออกกำลังกาย เพราะจะไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น ทำให้คุณรู้สึกอิ่มและพึงพอใจสำหรับมื้ออาหารเพื่อสุขภาพมื้อนี้

เราจะใช้อะโวคาโดได้อย่างไร

ก่อนที่จะตอบคำถามนี้ เรามีคำถามที่ดีกว่า คุณไม่ใช้อะโวคาโดอย่างไร ไม่ว่าจะใช้ทาเป็นครีมบำรุงผิว บำรุงผม มาส์กหรือสมูทตี้ อะโวคาโดก็ให้ความชุ่มชื่นในทุกด้านของชีวิต อะโวคาโด สรรพคุณ เริ่มด้วยอาหารเช้ากันดีกว่า โยนอะโวคาโดลงไปในสมูทตี้ที่กล่าวถึงข้างต้นว่าเป็นทางเลือกที่น่าพึงพอใจและมีน้ำตาลน้อยในน้ำกล้วยปั่นของคุณ เพิ่มอะโวคาโดลงในชามข้าวโอ๊ตที่อร่อยหรือใช้กัวคาโมเล่ลวกแทนชีสในออมเล็ต สำหรับอาหารกลางวัน แน่นอนว่าคุณสามารถทำขนมปังอะโวคาโดที่ชื่นชอบของทุกคนหรือคุณสามารถย่างมันเทศและโยนอะโวคาโดบางส่วนด้วยซัลซ่าโฮมเมด 

ในส่วนของอาหารค่ำ อะโวคาโด ประโยชน์ เพิ่มอะโวคาโดลงในสลัดหรือในเมนูอาหารของคุณที่มีชีส อย่าลืมของหวาน อะโวคาโดนั้นใส่ลงไปในมูสช็อกโกแลตได้อย่างง่ายดายด้วยการเติมผงโกโก้และน้ำตาลมะพร้าวเล็กน้อย สำหรับการบำรุงภายนอก นำอะโวคาโดมาบดผสมกับส่วนผสมง่าย ๆ ในการบำรุงผมเพื่อให้ความชุ่มชื้นหรือใช้เพื่อมาส์กหน้า ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มจากตรงไหน ลองใช้สูตรง่าย ๆ ด้านล่างนี้เพื่อฟื้นฟูผิวแห้งกร้านของเราเลยดีกว่า

สูตรมาส์กหน้าอะโวคาโดกับน้ำผึ้ง

กรดแลคติคในโยเกิร์ตจะค่อย ๆ ลอกผิวหนังที่ตายแล้วออกอย่างอ่อนโยน ในขณะที่อะโวคาโดและน้ำผึ้งจะช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ส่วนผสมในการมาส์กหน้าก็ไม่มากและหาได้ง่ายมาก ๆ ประโยชน์ของอะโวคาโด อะโวคาโดครึ่งลูก โยเกิร์ตธรรมดา 1 ช้อนโต๊ะและน้ำผึ้งดิบ 1 ช้อนชา วิธีทำก็ไม่ยาก ให้ผสมส่วนผสมทั้งหมดลงในชามขนาดเล็กแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันจนเข้ากันดี ใช้แปรงหรือนิ้วมือของคุณในการพอกใบหน้า หลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตา พอกทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็นและซับให้แห้ง บำรุงผิวหน้าด้วยน้ำมันหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ที่คุณชื่นชอบ

ความสวยไม่รอใคร แจกสูตรความงามจากทางบ้าน

1. มาส์กบำรุงผม อะโวคาโด ประโยชน์ ใช้อะโวคาโดที่สุกแล้วหนึ่งลูก ทำการปอกเปลือกและนำเมล็ดออกให้เรียบร้อย จากนั้นก็คลุกเคล้าเนื้ออะโวคาโดด้วยมือหรือช้อน จากนั้นเติมน้ำมันมะกอกประมาณ 1 ส่วน 4 ถ้วยตวงหรือปริมาณที่ทำให้อะโวคาโดเป็นเนื้อครีมข้น ๆ จากนั้นก็ผสมไข่ 2 ฟองลงไป เมื่อผสมอย่างละเอียดแล้วก็นำส่วนผสมลูบไล้ให้ทั่วเส้นผม มุ่งเน้นไปที่โคนผม จากนั้นก็ห่อผมด้วยผ้าขนหนูหรือหมวกคลุมผม ในขั้นตอนนี้ถ้าใครมีเครื่องอบไอน้ำก็สามารถนำมาใช้ได้ ให้หมักผมแบบนี้ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที (หรือมากกว่านั้น) ก่อนอาบน้ำ เมื่อครบกำหนดก็ทำการอาบน้ำและสระผม ล้างส่วนผสมออกให้หมด จากนั้นเส้นผมของคุณก็จะได้รับสารอาหารแบบอิ่ม ๆ คุณสามารถทำ ความงาม ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ หรืออาทิตย์ละ 1 ครั้งก็เพียงพอแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้คือผมสีดำที่เงางามและไม่ชี้ฟู

2. ผิวพรรณที่กระจ่างใส ง่าย ๆ เลยคือการใช้เปลือกผลไม้ในการสครับผิว ยกตัวอย่างเช่น เปลือกอะโวคาโด เมื่อคุณนำอะโวคาโดออกจากเปลือกแล้วทำให้แบนและนำเปลือกไปถูบนผิวหนังเบา ๆ ให้ทั่วใบหน้า สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยในการสครับผิวได้เท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยสารอาหารจากผลไม้อีกด้วย อะโวคาโด สรรพคุณ คุณสามารถลองสิ่งนี้ด้วยเปลือกผลไม้จำนวนมาก แต่เปลือกอะโวคาโดและเปลือกผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม ส้มโอและมะนาวดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพดีที่สุด

เป็นอย่างไรบ้างกับผลไม้สีเขียว ๆ ที่มีชื่อว่าอะโวคาโด ประโยชน์ของอะโวคาโด ไม่น่าเชื่อว่าจะเคยเป็นผลไม้ที่ทุก ๆ ต่างก็หลีกเลี่ยงและเชื่อว่ามันไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายในยุคนั้น ใครจะรู้ว่าตอนนั้นอะโวคาโดแทบจะกลายเป็นผลไม้ที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดและมักจะขาดตลาดอยู่ตลอดเวลา สำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนักด้วยการคุมอาหาร อะโวคาโดก็ถือเป็นวัตถุดิบหลักที่ขาดไม่ได้ในตู้เย็นเลย ส่วนคนที่ต้องการดูแลผิวพรรณไปด้วย อะโวคาโดก็เป็นตัวเลือกที่ดีทั้งผิวพรรณและเส้นผม ลองนำอะโวคาโดที่เหลือมาหมักผมหรือไม่ก็นำเปลือกอะโวคาโดมาสครับผิวดูสิ คุณไม่ได้กินเปลือกอะโวคาโดไปด้วยนะ