พืชมหัศจรรย์ ว่านหางจระเข้ เคล็ดลับหน้าใส สมุนไพรใกล้ตัว

ว่านหางจระเข้คือสมุนไพรใกล้ตัว ที่เชื่อว่าทุกคนน่าจะรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างไร เพราะในสมัยที่เราเป็นเด็กหากเกิดอุบัติเหตุน้ำร้อนลวกหรือไฟไหม้ ผู้ใหญ่ก็มักจะบอกให้ไปเอาว่านหางจระเข้มาทาบริเวณผิวหนังที่พุพอง ซึ่งด้วยสรรพคุณของว่านหางจระเข้ซึ่งเป็นยาเย็น จึงสามารถลดอาการปวดแสบปวดร้อนได้ชะงัก

โดยว่านหางจระเข้นี้แม้ว่าจะแพร่หลายในประเทศไทยจนคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นสมุนไพรไทยไปแล้ว แต่ด้วยความจริงว่านหางจระเข้ถือเป็นพืชที่มีแหล่งกำเนิดจากดินแดนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและบริเวณตอนใต้ของทวีปแอฟริกา ซึ่งสายพันธุ์ของวานหางจระเข้นั้นมีมากกว่า 300 สายพันธุ์เลยทีเดียว ซึ่งมีทับสายพันที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ ไปจนถึงสายพันธุ์ขนาดเล็ก ๆ แต่ลักษณะโดยรวมของว่านหางจระเข้นั้นจะไม่แตกต่างกัน คือมีใบแหลมคม คล้ายใบเลื่อย เปลือกหนา เนื้อในจะเป็นวุ้นใส ๆ มีเมือกเหนียวซึ่งเป็นส่วนที่เรานำมาใช้เป็นตัวยา โดย ว่านหางจระเข้ จะผลิดอกในฤดูหนาว โดยจะมีสีแตกต่างกันไปตามแต่ละสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น สีเหลือง สีขาว และสีแดง เป็นต้น

ซึ่งหนึ่งในประโยชน์ของสมุนไพรนั้น นอกจากจะมีสรรพคุณดับพิษไฟ ลดอาการเจ็บปวดเนื่องจากถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวกแล้ว ยังถือเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการบำรุงผิวอีกด้วย โดยจะมีดีแค่ไหน...อย่างไร...ไปดูกัน

สรรพคุณ ว่านหางจระเข้ ในการดูแลรักษาผิวพรรณ

แม้ว่าว่านหางจระเข้จะเป็นพืชสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดจากดินแดนเขตร้อนแอฟริกา แต่ในระยะเวลาต่อมา ด้วยสรรพคุณที่สุดแสนจะมหัศจรรย์ ก็ได้ทำให้ว่านหางจระเข้ถูกนำไปแพร่พันธุ์ทั้งในยุโรปและเอเชีย และปัจจุบันถือเป็นสมุนไพร่ที่มีการใช้ประโยชน์กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยมี ครีมว่านหางจระเข้ สรรพคุณบำรุงรักษาผิวพรรณที่สุดแสนจะวิเศษ ดังนี้

1. รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก

ถือเป็นสรรพคุณที่ทุกคนน่าจะคุ้นเคยและรู้จักกันเป็นอย่างดี สำหรับประโยชน์ของ ว่านหางจระเข้ ในการดูแลแผลพุพองที่เกิดจากความร้อน ไม่ว่าจะเป็นไฟไหม้ หรือน้ำร้อนลวก  โดยเราจะทำการปลอกเปลือกเอาวุ้นใส ๆ ที่อยู่ในว่านหางจระเข้ไปประคุมเข้ากับแผล ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดแสบร้อนได้เป็นอย่างดี โดยความชุ่มชื่นจากวุ้น เจลว่านหางจระเข้ ก็จะช่วยให้เกิดความเย็น 

โดยในส่วนของเนื้อวุ้นจะมีเอนไซม์แบรดดีไคเนส (Bradykinase) ซึ่งมีสรรพคุณลดอาการอักเสบ สร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ และจะมีสารลิกนินที่ช่วยเร่งกระบวนการเยียวยาแผล และกระตุ้นการไหลเวียนของออกซิเจน ตลอดจนสารอาหารในเส้นเลือด ทำให้เกิดการฟื้นฟูผิวได้อย่างดีเยี่ยม

2. รักษาผิวหนังไหม้เกรียมแดด

การตากแดดที่ร้อนแรงเป็นระยะเวลานาน ๆ จะทำให้ผิวถูกทำร้ายจากแสงอาทิตย์ โดยอาจจะทำให้เกิดการอักเสบ ผิวคล้ำเสียได้ ซึ่งในบางครั้งสำหรับบางคนที่วิถีชีวิตอาจจะหลีกเลี่ยงได้ยากในการที่จะต้องเผชิญกับแสงแดด จนทำให้เกิดอาการผิวคล้ำเสีย ผิวหนังไหม้เกรียมแดด ซึ่งว่านหางจระเข้สามารถที่จะช่วยรักษาอาการเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี โดยการนำเอาเนื้อวุ้นที่อยู่ภายในว่านหางจระเข้มาล้างให้สะอาดและนำมาทาบริเวณที่ผิวไหม้เกรียม ซึ่ง เจลว่านหางจระเข้ นั้นจะสามารถบรรเทาอาการแสบไหม้ได้เป็นอย่างดี

3. ควบคุมความมันบนใบหน้า

สำหรับคนที่ปัญหาหน้ามัน ก็สามารถที่จะนำเอาว่านหางจระเข้มาใช้ดูแลผิวหน้าได้ โดยการนำเอาวุ้นว่านหางจระเข้มาล้างน้ำสะอาดแล้วทาทั่วใบหน้าวันละ 1 – 2 ครั้ง โดยทำต่อเนื่อง 1 – 2 เดือน ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยลดความมันบนใบหน้า และสร้างความชุ่มชื่น เนียนนุ่มให้เกิดขึ้นบนใบหน้าได้

4. ลดริ้วรอยด่างดำบนใบหน้า

สำหรับคนที่ปัญหาริ้วรอยด่างดำบนใบหน้า เพียงนำเอาวุ้นว่านหางจระเข้ที่ล้างน้ำสะอาดแล้วมาทาบริเวณที่เกิดริ้วรอยด่างดำ โดยทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ครีมว่านหางจระเข้ ก็จะทำให้ริ้วรอยจางหายไปและผิวหน้ากลับมาเนียนใสดังเดิม

5. รักษาความชุ่มชื้น ผิวไม่แห้งกร้าน ลดปัญหาสิว ฝ้า

การพอกวุ้นว่านหางจระเข้บนใบหน้าก่อนนอน ถือเป็นวิธีการหน่างหนึ่งที่จะสร้างความชุ่มชื่นและฟื้นฟูไม่ให้ผิวแห้งกร้าน โดยคุณจะตื่นมาพบกับความเนียนนุ่มบนใบหน้า และไม่แห้งกร้าน ห่างไกลจากปัญหาริ้วรอยก่อนวัยอันควร รวมถึงยังป้องกันการเกิดฝ้า และรักษาอาการอักเสบของสิวจาก เครื่องสำอางค์ ได้อีกด้วย

7. รักษาแผลที่เกิดจากของมีคม

สำหรับบาดแผลที่เกิดจากของมีคมนั้น การทาด้วย เจลว่านหางจระเข้ เป็นประจำ จะช่วยรักษาบาดแผลนั้นได้ เพราะวุ้นเมือกที่อยู่ในว่านหางจระเข้จะช่วยให้แผลสมานเร็วขึ้น ลดปัจจัยที่จะทำให้เกิดแผลเป็น

ข้อดีของการปลูกว่านหางจระเข้ไว้เป็นสมุนไพรประจำบ้าน

จากสรรพคุณต่าง ๆ ที่ว่ามาในข้างต้น จึงกล่าวได้ว่าว่านหางจระเข้ถือเป็นพืชสมุนไพรที่ควรจะมีไว้ทุกบ้าน เพราะเป็นพืชสมุนไพรสารพัดประโยชน์เลยก็ว่าได้

การปลูกว่านหางจระเข้ไว้เป็นสมุนไพรใกล้ตัวนั้นถือว่าทำไม่ยากเลย เพราะในบรรดาไม้อวบน้ำทั้งหมด เรียกได้ว่าว่านหางจระเข้นั้นถือเป็นพืชที่ปลูกและดูแลง่ายมากที่สุด โดยการเจริญเติบโตนั้นอยู่ที่ความใส่ใจดูแล ซึ่งหากดูจากภูมิอากาศของประเทศไทยนั้นถือว่าค่อนข้างที่จะเหมาะสมกับการปลูกว่านหางจระเข้ เนื่องจากมีสภาพอากาศแบบเขตร้อน โดยว่านหางจระเข้จะไม่แข็งตายไปเสียก่อน เหมือนกับการปลูกว่านหางจระเข้ในประเทศที่ภูมิอากาศหนาวเย็น

วิธีการปลูก ว่านหางจระเข้ ให้เจริญเติบโตได้ดีนั้น อันดับแรกเราจะต้องเข้าใจธรรมชาติของพืชชนิดนี้เสียก่อน คือ ว่านหางจระเข้นั้นเมื่อเจริญเติบโตขึ้นจำเป็นที่จะต้องใช้พื้นที่พอสมควร เนื่องจากทรงของต้นที่เป็นใบอวบน้ำเรียวยาว มีเคี้ยวหยักเหมือนฟันเลื่อย ถือเป็นพื้นดึกดำบรรพ์อีกชนิดหนึ่งซึ่งจัดอยู่ในตำหรับยาสมุนไพรมานานนับพันปี คุณสมบัติหลักคือการดับพิษไฟ และลดอาการอักเสบของแผล โดยเนื้อเจลอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ 

นอกจากนี้ว่านหางจระเข้ยังจัดว่าเป็นพืชที่ช่วยฟอกอากาศได้ดีอีกด้วย ถ้าเราปลูกไว้ใกล้บ้านจะช่วยกำจัดฟอร์มาลดีไฮด์และเบนซินออกไป ทำให้อากาศรอบ ๆ บ้าน บริสุทธิ์สดชื่น

การปลูกว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้เป็นพืชอวบน้ำที่ชอบอากาศร้อน ดังนั้นในการปลูกว่านหางจระเข้ควรที่จะได้รับแสงแดดอย่างน้อย 5 – 6 ชั่วโมงต่อวัน 

ในขณะที่การให้น้ำนั้นก็ควรที่จะคำนึงถึงปริมาณที่เหมาะสม เพราะ ว่านหางจระเข้ ไม่ชอบน้ำมากนัก โดยเฉพาะน้ำท่วมขัง ระบายไม่ดี จะทำให้ว่านหางจระเข้เน่าตายได้ง่าย ด้วยเหตุนี้เมื่อเรารดน้ำ ควรที่จะตรวจดูว่าน้ำมีการระบายดีหรือไม่ ถ้าซึมลงดินไม่ท่วมขังก็ถือว่าเหมาะสม และไม่ควรที่จะรดบ่อยจนเกินไป ปล่อยให้ดินแห้งบ้างก็ได้

ถ้าปลูกว่านหางจระเข้ในกระถาง มีการเจริญเติบโตจนทรงพุ่มสูงเท่ากับความสูงของกระถาง ก็ให้ทราบได้เลยว่าถึงเวลาเปลี่ยนกระถางใบใหม่แล้ว โดยการถางใบใหม่นั้นควรที่จะมีความจุประมาณ 3 เท่า ของกระถางใบเดิม

ว่านหางจระเข้ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยมากนัก แต่ถ้าจะใส่ก็ใส่แค่ปีละ 1 ครั้ง โดยควรใช้ปุ๋ยที่เน้นสารฟอสฟอรัสเป็นหลัก

แม้ว่าการปลูกว่านหางจระเข้จะนิยมปลูกด้วยหน่อ แต่ก็สามารถปลูกด้วยเมล็ดได้เหมือนกัน แต่มีความยุ่งยากกว่า คือต้องรอจนกว่าว่านหางจระเข้จะออกดอก

และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของ “พืชมหัศจรรย์ ว่านหางจระเข้ เคล็ดลับหน้าใส สมุนไพรใกล้ตัว” ซึ่งว่านหางจระเข้ถือเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่ทุกคนควรที่จะหานำมาปลูกไว้ เพราะจะเป็นพืชสมุนไพรที่เราได้ใช้ประโยชน์หลากหลายประการเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเอามารักษาบาดแผล และการเอามาใช้ในเรื่องของความสวย ความงาม