ลักษณะและ วิธีดูแลผิว ของคนที่มีอายุในแต่ละช่วงวัย

การ ดูแลผิว พรรณนั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่เราจะต้องให้ความสนใจ โดยเฉพาะคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง ผิวสวย ความสวยความงาม เนื่องจาการที่มีผิวพรรณดีสมวัย ถือเป็น ความงาม อย่างหนึ่งที่ทุกคนจะมองมา โดยสภาพผิวของคนเราในแต่ละช่วงวัยจะไม่เหมือนกัน ดังนั้นเราจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจกับลักษณะผิวในวัยของเรา เพื่อที่เราจะสามารถดูแลได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ดังนี้

วิธีดูแลผิว ในวัยทารก (0-2ปี) 

สำหรับวัยนี้ถือเป็นวัยแรกแย้ม ซึ่งแน่นอนว่าเด็กทารกยังไม่สามารถดูแลผิวพรรณของตัวเองได้ ดังนั้นคนที่จะทำหน้าที่นี้ก็คือพ่อแม่ที่ทำการเลี้ยงดูลูกน้อย สำหรับผิวในวัยนี้ถือว่าบอบบางมาก ควรระวังอย่าให้ผิวพรรณกระทบกับแสงแดดโดยตรง โดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรก และควรใช้เวชภัณฑ์กันแดดสำหรับทารก ถ้ามีความจำเป็นจริง ๆ ที่จะต้องออกมาอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน ๆ และไม่ควรที่จะอาบน้ำทารกด้วยการใช้สบู่บ่อยเกินไป เพราะอาจจะทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคืองได้

การดูแลผิวพรรณในวัยเด็ก (2-12 ปี) 

สำหรับเด็กวัยนี้จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดบาดแผลอยู่พอสมควร เพราะเป็นช่วงวัยที่มีการเล่นซน ปีนป่าย วิ่น กระโดดโลดเต้น ดังนั้นเมื่อเป็นแผลแล้วเด็กมักจะเกา ผู้ใหญ่ควรที่จะค่อยบอกสอนถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติและไม่ควรปฏิบัติ และรวมไปถึงเรื่องของสุขลักษณะและการดูแลผิวพรรณขั้นพื้นฐานให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ และฝึกปฏิบัติจนเป็นนิสัย วิธีดูแลผิว เช่น ถ้าออกแดดต้องทาครีมกันแดด และใส่หมวกใส่เสื้อแขนยาว เป็นต้น

การดูแลผิวพรรณในวัยรุ่น ( 13-19 ปี ) 

สำหรับวัยรุ่นนี้สิ่งที่เป็นปัญหาหลักของการ ดูแลผิว พรรณก็คือเรื่องของสิว เพราะเป็นช่วงวัยที่ฮอร์โมนมีความเปลี่ยนแปลง เป็นเหตุกระตุ้นให้เกิดสิวมากกว่าทุกช่วงวัย ซึ่งหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าการเกิดสิวมีสาเหตุจากสิ่งสกปรกบนใบหน้า จึงล้างหน้าบ่อย ๆ ซึ่งยิ่งล้างหน้าก็ยิ่งกลับกลายว่าเป็นสิวเพิ่มขึ้น เพราะการทำความสะอาดไปหน้ามากจนเกินไป จะทำให้สภาพผิวเกิดการเสียสมดุลในกระบวนการสร้างเซลล์ผิวหนัง 

ดังนั้นควรที่จะทำความเข้าใจที่ถูกต้องว่า การเกิดสิวของวัยรุ่นนั้นสาเหตุหลักใหญ่ ๆ เลยก็มาจากเรื่องของฮอร์โมน จึงไม่ควรที่จะล้างหน้าบ่อยจนเกิดไป เพราะมันจะยิ่งทำให้เราเป็นสิวมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม โดยเราควรจะล้างหน้าดังนี้

ในตอนเช้า ทำการล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า และทาครีมกันแดด ส่วนตอนเย็น จะเป็นการล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า เพื่อล้างเศษเนื้อครีมกันแดด เครื่องสำอางค์ ความเหงื่อไคล และสิ่งสกปรกที่ได้เผชิญมาตลอดทั้งวัน หลังจากนั้นก็ทาด้วยครีมรักษาสิว

โดยการทาครีมรักษาสิวนั้น วัยรุ่นจะต้องทาในช่วงก่อนนอน เพราะตัวยาจะเป็นกรดวิตามินเอ ซึ่งถ้าโดนแสงแดดจะทำให้ผิวหน้าเกิดไหม้และเป็นรอยด่างดำ ดังนั้นจะต้องทากลายคืน ในช่วงก่อนนอนจะดีที่สุด

และการเลือกใช้ครีมกันแดดถือเป็นสิ่งสำคัญ วิธีดูแลผิว สำหรับวัยรุ่น เพราะถือเป็นช่วงวัยที่ค่อนข้างมีกิจกรรมกลางแจ้งเยอะ แต่ถ้าจะเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF เยอะ ๆ ก็ไม่ได้ เพราะจะทำให้เกิดสิวง่ายขึ้น ซึ่งค่า SPF ที่ควรเลือกใช้ก็ขึ้นอยู่กับความพอดีที่จะพอเป็นไปได้ โดยปกติถ้าไม่โดนแดดนานมาก ก็ใช่ SPF 10 – 15 แต่ถ้าจำเป็นจะต้องอยู่กลางแดดนาน ๆ หลาย ๆ ชั่วโมง ซึ่งเกิดขึ้นแค่บ้างโอกาส เราก็อาจจะเปลี่ยนสลับมาใช้ SPF 30 เฉพาะในวันนั้น โดยไม่ควรใช้เป็นประจำทุกวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดสิวนั้นเอง

การดูแลผิวพรรณในวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ( 20-29 ปี)

ในวัยนี้เป็นวัยที่ระดับฮอร์โมนเพศค่อนข้างจะมีความเปลี่ยนแปลง จึงทำให้เกิดสิวได้เหมือนกัน โดยเฉพาะในผู้หญิงช่วงก่อนมีประจำเดือน ซึ่งจะเป็นช่วงที่มีโอกาสเกิดสิวมากที่สุด และถ้าเป็นสิวก็ไม่ควรแงะ แคะ แกะ เกา และบีบ เพราะจะทำให้ติดเชื้อและผิวหน้าอักเสบได้ ซึ่งแผลอักเสบนี้จะรักษายากมากกว่าที่สภาพผิวจะกลับมาเหมือนเดิม

วัยนี้ต้องใส่ใจเรื่องความสะอาดเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นวัยที่ต้องทำกิจกรรมเยอะมาก และเป็นวัยที่ต้องแต่งหน้าบ่อย ๆ จึงควรเช็ดเครื่องสำอางด้วยออยส์คลีนเซอร์ โดยใช้สำลีเพื่อให้เกิดความอ่อนโยน นอกจากนี้การล้างหน้าจะต้องล้างอย่างแผ่วเบาด้วยเช่นกัน

โดยในช่วงก่อนนอนหลับในตอนกลางคืน วิธีดูแลผิว เราจะต้องทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำ เพื่อช่วยให้ร่างกายเกิดการฟื้นฟูผิวพรรณได้ดีขึ้น และในระหว่างวันควรที่จะทาครีมกันแดดเอาไว้เสมอเมื่อต้องไปสัมผัสกับแสงแดด

การดูแลผิวพรรณในวัยผู้ใหญ่ ( 30-39 ปี)

 

เป็นช่วงวัยที่ร่างกายจะเริ่มเสื่อมถอยไปอย่างช้า ๆ โดยผิวพรรณ ผิวสวย ก็จะไม่เปล่งปลั่งชุ่มชื้นเหมือนช่วงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น และยังเป็นช่วงวัยที่ริ้วรอยต่าง ๆ จะเริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัญหาการเกิดฝ้าด่างดำ จึงควรที่จะใช้ครีมบำรุงผิวที่มีความเข้มข้นขึ้น และเลือกครีมแบบเฉพาะทางจะเป็นการบำรุงผิวที่มีประสิทธิภาพสำหรับช่วงวัยนี้มากที่สุด เช่น ครีมบำรุงรอบดวงตา ครีมบำรุงใต้คาง รอบปาก แก้ม เพราะในช่วงวัยนี้เป็นช่วงวัยแห่งการตรากตรำทำงาน และวิถีชีวิตเต็มไปด้วยการกิน ดื่ม เที่ยว นอนดึก ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ทำให้ผิวพรรณเกิดริ้วรอยแก่ก่อนวัย

สำหรับวัยนี้ควรที่จะให้ความสำคัญ วิธีดูแลผิว กับการดื่มน้ำคือจะต้อง 2-3 ลิตรต่อวัน เพราะวัยแห่งการทำงานนี้จะงานยุ่งตลอดทั้งวันจริง ๆ จนแทบลืมดื่มน้ำด้วยซ้ำสำหรับบางคน ซึ่งการไม่ดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะเป็นการทำให้ผิวพรรณขาดความชุ่มชื้อ และทำให้เกิดริ้วรอยที่เสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร รวมถึงยังไม่ควรที่จะนอนดึก 

รวมถึงในแต่ละวันควรที่จะดื่มน้ำไม่ตำกว่า 2-3 ลิตรต่อวัน เพื่อรักษาความชุ่มชื่นของผิวพรรณ และไม่ควรนอนดึก หรือเครียด รวมถึงไม่ควรใช้เครื่องสำอางมากจนเกินไป

การดูแลผิวพรรณในวัยกลางคน (40-49 ปี) 

ช่วงวัยนี้เป็นช่วงที่เข้าสู่วัยทอง ฮอร์โมนต่าง ๆ จะเริ่มลดลงไป ถือเป็นช่วงที่คนวัยนี้จะเสียความมั่นใจเกี่ยวกับรูปร่างผิวพรรณตัวเองสูงมาก เนื่องจากเมื่อฮอร์โมนแอสโตรเจนลดลงไป ทำให้ผิวแห้ง แพ้ง่ายและเริ่มมีรอยเหี่ยวย่นอย่างเห็นได้ชัดขึ้น และไขมันใต้ผิวหนังก็บางลง ทำให้ผิวหนังไม่เต็งตึง และเรื่องหย่อนคล้อย จึงควรที่จะใช้ครีมบำรุงผิวที่มีความเข้มข้นสูงในตอนเช้าและก่อนนอน เพื่อให้ผิวหนังเกิดความชุ่มชื่อ และชะลอการเสื่อมสภาพลง

การดูแลผิวพรรณในวัยผู้สูงวัย (50 ปี เป็นต้นไป) 

ในช่วงวัยนี้เป็นช่วงวัยที่ความเหี่ยวย่นหย่อนคล้อยจะปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน โดยจะเป็นวัยที่ต่อมไขมันทำงาน้อยลงมาก และผิวจะแห้งมาก จึงควรใช้ครีมที่ให้ความชุ่มชื้อทาบริเวณผิวที่แห้ง ไม่ควรออกแดดเป็นเวลานาน ๆ และควรทาครีมกันแดดและใส่เสื้อผ้าปกปิดป้องกันผิวหนัง

และสำหรับผู้หญิงที่หมดประจำเดือน อาจจะมีการให้ฮอร์โมนทดแทนในรูปแบบของยากินหรือยาทา เพื่อช่วยให้ผิวหนังเกิดความยืดหยุ่นชุ่มชื้นมากขึ้น และลดความหยาบกร้านลงไป แต่ในกรณีนี้จะต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชียวชาญอย่างใกล้ชิด

บทสรุป

ทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของ วิธีดูแลผิว ลักษณะและการ ดูแลผิว พรรณของคนที่มีอายุในแต่ละช่วงวัย ซึ่งเราจะเป็นได้ว่าค่อนข้างมีลักษณะและวิธีการดูแลผิวพรรณที่หลากหลายแตกต่างกันไปตามสภาพของปัญหาในแต่ละวัย แต่สุดท้ายแล้วเมื่อเข้าสู่บันปลายของวัยวัน เราก็ไม่อาจจะหลีกหนีความแก่ชราไปได้พ้น ดังนั้นเราควรที่จะวางใจให้ได้ และทำใจให้มีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้นตามสภาพที่เป็นจริง เมื่อความสวยความงามที่ลดน้อยถดถอยลงไปเรื่อย ๆ การใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่เครียด และไม่กังวล ก็ถือเป็นความงามอย่างหนึ่งสำหรับผู้พบเห็นเหมือนกัน โดยเป็นความงามที่อยู่ภายในจิตใจนั้นเอง