เคล็ดลับ ดูแลผิว การเริ่มต้นใส่ใจดูแลสุขภาพผิวผู้ชาย

เรื่องของการดูแลสุขภาพผิวถือเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับทุกเพศทุกวัย วิธีดูแลผิว ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เพราะสิ่งนี้จะเป็นการเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีให้กับตัวเรา โดยปัจจุบันนี้ผู้ชายส่วนใหญ่ก็หันมาสนใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น และถือเป็นเรื่องธรรมดาของการเป็นผู้ชายเจ้าสำอาง ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นเกย์ หรือกะเทยเสมอไป

โดยเฉพาะผู้ชาย ดูแลผิว ผู้ชาย ยิ่งจำเป็นจะต้องใส่ใจในเรื่องของสุขภาพผิว เพราะในแต่ละวันด้วยวิถีชีวิตของผู้ชายจะต้องผจญกับมลภาวะต่าง ๆ จึงเป็นเหตุให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรได้เร็วมาก ดังนั้นจึงเป็นการถูกต้องแล้วที่บรรดาผู้ชายทั้งหลายจะหันมาสนใจดูแลตัวเองเสียแต่ตอนนี้ ก่อนที่หน้าพังจนสายเกินแก้

ซึ่งการดูแลสุขภาพผิวของผู้ชายก็มีวิธีการที่คล้าย ๆ กับการดูแลสุขภาพความสวยความงามของผู้หญิง ซึ่งพื้นฐานสำคัญคือการทำความเข้าใจกับวิธีการในภาพรวม ก่อนที่จะเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองมาใช้ เพราะวิธีการดูแลสุขภาพผิวนั้นมีอยู่มากมายหลากหลายแบบ

ซึ่งการที่จะเริ่มต้นหันมา ดูแลผิว สามารถทำได้ ดังนี้

1. ศึกษาลักษณะของสภาพตัวเอง

ผู้ชายจะต้องรู้จักสภาพผิวของตัวเอง ดูแลผิว ผู้ชาย เพื่อที่จะสามารถทำการดูแลได้ถูกต้องตรงจุด ซึ่งโดยพื้นฐานของสภาพผิวผู้ชายนั้นจะมีลักษณะต่างจากผู้หญิง ด้วยเหตุนี้จึงไม่ควรที่ผู้ชายจะเอาครีมบำรุงผิวของแฟนมาใช้ เพราะจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างตรงจุด

โดยผู้ชายจะมีลักษณะของผิวที่แข็งแรงและหนากว่าผิวของผู้หญิง ดังนั้นการใช้ครีมของผู้หญิงจึงเป็นการบำรุงผิวที่ไม่มีประสิทธิภาพเพราะครีมไม่สามารถที่จะแทรกซึงลงไปในชั้นผิวหนังได้ จึงมีแต่ความเหนียวหนึบหนับที่อาจทำให้เกิดสิวขึ้นมาแทน

นอกจากนี้แล้วสิ่งที่ผู้ชายควรจะทำความเข้าใจคือ การ ดูแลผิว ของผู้ชาย ไม่ใช่ว่าจะใช้ครีมอะไรก็ได้ เพราะสภาพผิวหนังของผู้ชายแต่ละคนก็มีลักษณะต่างกัน กำลังประสบกับปัญหาที่แตกต่างกัน ดังนั้น ถ้าเราใช้ครีมที่ออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูในสิ่งที่ไม่ตรงกับความต้องการของสภาพผิวเรา ก็ถือเป็นการเสียเงิน เสียทอง โดยเปล่าประโยชน์

ซึ่งสภาพผิวของผู้ชายมีอยู่ด้วยกันแค่ 4 แบบเท่านั้น ก็ลองดูคุณมีสภาพผิวหนังเป็นแบบไหน และควรใช่ครีมบำรุงผิวแบบไหนมาดูแล

สภาพผิวธรรมดา เป็นผิวที่มีความสมดุล ไม่มันหรือแห้งเกินไป มีลักษณะเป็นกลาง ๆ ไม่มีสิว ไม่มีริ้วรอย เนียน นุ่ม ซึ่งสภาพผิวแบบนี้ถือว่ายังไม่มีปัญหาอะไรที่น่าหนักใจสภาพผิวแห้ง เป็นผิวที่ขาดความชุ่มชื้น มีลักษณะหยาบกร้าน และหมองคล้ำ โดยการที่มีผิวแห้งนั้นจะทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่าสภาพผิวประเภทอื่น ดังนั้นจึงควรที่จะใช้ครีบที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับสภาพผิวแบบนี้

สภาพผิวมัน เป็นผิวที่มีความมันมากจนมองเห็นความเงา ซึ่งจะมีรูขุมขนกว้างและมองเห็นได้อย่างชัดเจน สภาพผิวนี้มักมีปัญหาสิว ดังนั้นจึงควรใช้ครีมที่มีความสามารถในการควบคุมความมันบนผิวหน้า

สภาพผิวผสม เป็นผิวที่มีความแตกต่างกันในแต่ละส่วน เช่น หน้าผากแห้ง จมูกมัน ซึ่งการ ดูแลผิว แบบนี้ก็จะไม่เหมือนกันในแต่ละส่วนที่เป็นปัญหา

2. กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผักและผลไม้

อาหารคือสิ่งสำคัญของชีวิต วิธีดูแลผิว เพราะเป็นสิ่งที่เราจะต้องรับประทานเข้าไปทุกเมื่อเชื่อวัน เพื่อให้เราสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้ โดยการรับประทานอาหารที่ดีจะทำให้เรามีผิวพรรณดีด้วย

โดยพื้นฐานเราควรที่จะรับประทาน อาหาร ให้ครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อให้เรากายของเรามีสุขภาพแข็งแรง และระบบการทำงานเป็นไปอย่างสมดุล นอกจากนี้เราจะเน้นไปที่การรับประทานผักและผลไม้ เพื่อที่จะมุ่งเน้นบำรุงผิวพรรณให้มีความสดใส เปล่งปลั่งแลดูมีออร่า โดยควรเน้นไปที่กลุ่มวิตามินซี เพราะจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนที่มีส่วนทำให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี

รวมถึงการรับประทานอาหารในกลุ่มวิตามินอี จะเป็นการช่วยให้ผิวพรรณมีความเรียบเนียนป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ และควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารจำพวกของทอดที่มีน้ำมันเยอะ ๆ 

3. ดื่มน้ำให้พอ

วิธีดูแลผิว การดื่มน้ำถือเป็นส่วนสำคัญไม่แพ้กันในการดูแลสุขภาพ ซึ่งในแต่ละวันเราไม่ควรที่จะดื่มน้ำน้อยกว่า 1 ลิตร เนื่องจากจะทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ ทำให้ผิวแห้ง หม่นหมอง ไม่กระจ่างใส่ เราจึงควรที่จะดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อให้เกิดการไหลเวียนของเหลวในร่างกายที่มีประสิทธิภาพ ทำให้อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ ซึ่งจะทำให้ร่างกายเกิดความสมดุลและผิวพรรณสดใส

4. นอนให้พอ

การนอนคือช่วงเวลาในการฟื้นฟูสภาพร่างกาย ซึ่งเป็นกลไก ดูแลผิว ทางชีวภาพที่เราจำเป็นจะต้องพักผ่อนอย่างน้อย 8 ชั่วโมง และควรนอนไม่เกิน 4 ทุ่ม เนื่องจากในเวลาประมาณเที่ยงคืนถึงตีสอง จะเป็นช่วงเวลาของการซ่อมแซมร่างกาย เพราะจะเกิดการหลั่งโกรทฮอร์โมน ที่จะช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกาย ช่วยชะลอความแก่ให้ไม่เกิดขึ้นเร็วจนเกินไป การนอนที่มีคุณภาพจะทำให้ผิวพรรณสดใจ ใบหน้าเปล่งประกาย ไม่เศร้าหมองอิดโรยเหมือนคนป่วย

5. ออกกำลังกายเป็นประจำ

การออกกำลังการจะเป็นการกระตุ้นให้ระบบร่างกายเกิดการขับถ่ายของเสียออกจากผิวหนัง ซึ่งถือเป็นกระบวนการหนึ่งที่จะทำให้ผิวพรรณของเรามีความสดใส เปล่งปลั่ง เพราะของเสียถูกขับออกไปพร้อมกับเหงื่อ รวมถึงการออกกำลังกายยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดกระบวนการนำออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ minebeauty จะช่วยให้เกิดการยับยั้งอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวหนังเต็งตึง ไม่หย่อนยานก่อนวัยอันควร

6. ล้างหน้าให้สะอาด

การล้างหน้าถือเป็นสิ่งที่จำเป็นในการ ดูแลผิว พรรณ เพราะการล้างหน้าให้สะอาดเป็นประจำ จะช่วยลดการหมักหมดของสิ่งสกปรก เพราะในแต่ละวันผู้ชายจะต้องเผชิญกับมลภาวะต่าง ๆ นานา และอาจจะมากกว่าที่ผู้หญิงเจอด้วยซ้ำ การล้างหน้าให้สะอาดอยู่เสมอ จะเป็นการขจัดมลพิษ ฝุ่น และความมันออกไปจากรูขุมขน และที่สำคัญควรที่จะมีการสครับหน้าเป็นประจำ เนื่องจากผิวหนังของผู้ชายจะหนากว่าผู้หญิง จึงเป็นการดีที่จะช่วยร่างกายผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ซึ่งจะทำให้ผิวหน้าดูสดใส เรียบเนียนสม่ำเสมอ

 7. ใช้ครีมกันแดด

อย่างที่เราทุกคนทราบเป็นอย่างดีว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีภูมิอากาศร้อน ไม่ว่าเราจะเข้าสู่ฤดูกาลไหนก็ตามแดดประเทศไทยนั้นร้อนแรงเสมอ ด้วยเหตุนี้เราควรที่จะมีการปกป้องผิวพรรณด้วยการทาครีมกันแดดอยู่เสมอ 

สำหรับผู้ชายที่พึ่งจะเริ่มใช้ครีมกันแดด อาจจะมีความสับสน เลือกไม่ถูกว่าจะครีมกันแดดแบบไหนดี ก็ของให้พิจารณาตามนี้ได้เลย นั้นก็คือการเลือกครีมกันแดดจากฉลากผลิตภัณฑ์ที่มีตัวอักษรย่อต่าง ๆ แสดงถึงสรรพคุณของครีมกันแดดแต่ละประเภท ซึ่งมีดังนี้

SPF ดูแลผิว หมายถึง คือการบ่งบอกว่าเราสามารถสัมผัสกับแสงแดดได้นานแค่ไหน โดยที่จะไม่ทำให้ผิวไหม้ แสบร้อนบริเวณผิวหนัง เช่น ครีมกันแดดที่มี SPF 15 จะปกป้องผิวหนังจากแสงแดดได้นาน 15 เท่า ดังนั้นสำหรับวิถีชีวิตที่ต้องทำกิจกรรมอยู่กลางแดดนาน ๆ ก็ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ๆ

UVA หมายถึง คุณสมบัติของการป้องกันกระ ฝ้า และป้องกันริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย 

UVB หมายถึง คุณสมบัติในการป้องกันอาการแพ้ แดง แสบ และไหม้ของผิวหนัง 

เมื่อเราพิจารณาได้ดังนี้ก็สามารถที่จะเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมกับตัวเอง เหมาะสมกับวิถีชีวิต ซึ่งการอยู่ในประเทศไทยเราควรที่จะทาครีมกันแดดอยู่เสมอ แม้ว่าเราจะอยู่ในร่มก็ตาม เพราะเราหลีกหนีการสัมผัสกับแสงแดดได้ยาก เช่น เราขับรถอยู่บนถนนก็มีแสงแดดแผดรังสีเข้ามาหาเราผ่านกระจกได้ ดังนั้นไม่ว่าเราจะมีกิจกรรมที่ต้องออกแดดหรือไม่ออกแดดก็ควรที่จะทาครีมกันแดดเผื่อไว้เสมอ