10 วิธี รักษาสิว ให้ปัญหากวนใจหายไปเพียงข้ามคืน

สำหรับปัญหาที่เรียกว่าเป็นปัญหาระดับชาติของหลายคนคงจะหนีไม่พ้นเกี่ยวกับ ปัญหาของสิวที่เกิดขึ้นตามใบหน้าที่มักจะมาทำลายความสุขการ แต่งหน้า และความมั่นใจของสาว ๆ ให้หายไปหลายขุม เรียกได้ว่าสิวเพียงเม็ดเดียวก็เหมือนกับระเบิดนิวเคลียร์ที่จะทำลายทุกอย่างในวันดี ๆ ให้หายไปเหมือนกับว่าวันทั้งวันเป็นวันที่แย่ได้อย่างทันตาเห็น และแน่นอนว่าในแต่ละคนก็จะมีชุดความเชื่อ หรือวิธีในการรักษาที่แตกต่างกันไปไม่ว่าจะเป็นความเชื่อพื้นบ้านที่ทำตาม เพราะเขาทำกัน แพทย์แผนไทย แพทย์แผนปัจจุบัน สาว ๆ คงมีตัวเลือกในการรักษาตามแบบฉบับของตัวเอง แต่วิธีการ รักษาสิว นั้นจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด และส่งผลให้สิวเจ้าปัญหาสามารถที่จะหายไปได้จริง ๆ นะหรือ บทความชิ้นนี้เราได้เตรียมข้อมูล และวิธีในการจัดการกับเจ้าปัญหาตัวดีไว้ในที่นี่ถึง 10 วิธีด้วยกัน ถ้าเพื่อน ๆ อยากรู้แล้วว่าจะมีอะไรบ้างก็สามารถไปติดตาม เว็บผู้หญิง กันได้เลย 

1. รักษาสิว อย่าทายาปฏิชีวนะแค่อย่างเดียว

หลายคนอาจจะมีความเข้าใจว่า วิธีรักษาสิว แบบธรรมชาติ การใช้ยาแต้มสิวที่สามารถลดอาการยุบตัวของสิว และสามารถลอกสิวให้ออกจากผิวได้โดยเร็วด้วยฤทธิ์ยาของยาปฏิชีวนะอย่าง Clindamycin หรือ Erythromycin เพียงอย่างเดียว เป็นเรื่องที่ดี ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ายาทั้งสองตัวดังกล่าวก็สามารถทำออกมาได้อย่างดีเลยทีเดียว แต่การใช้ยาลักษณะนี้เป็นเวลานานก็จะทำให้ผิวเกิดอาการดื้อยาได้ คุณควรที่จะใช้ยา หรือครีมบำรุงตัวอื่น ๆ ร่วมด้วยในการรักษาอาการของสิว ไม่ควรที่จะใช้ยาประเภทนี้อย่างพร่ำเพรื่อ 

2. อย่าทายาไม่ตรงกับชนิดของสิว

สำหรับคนที่ไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว สิวไม่ได้มีเพียงประเภทเดียวอย่างที่คุณเข้าใจ จริง ๆ แล้วสิวมีอยู่หลากหลายประเภท และมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง และแน่นอนว่าวิธีการดูแล หรือ รักษาสิว ก็ต้องใช้วิธีในการรับมือที่ไม่เหมือนกันอีกด้วย ตัวอย่างสิวประเภทอุดตันที่มักจะเกิดจากการสะสมของสิ่งสกปรก และไขมันที่ถูกถ่ายเทออกมาจากบริเวณทีโซนจะไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาอย่าง Clindamycin ได้

3. ยากลุ่ม Retenoid เริ่มทาบาง ๆ เฉพาะจุดที่มีสิวก่อน

เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มยาที่มีชื่อเสียงอย่างมากเลยสำหรับ Retenoid ที่เป็นยาปราบเจ้าสิว และฟื้นฟูผิวหน้าได้เป็นอย่างดีตัวนี้ แต่ด้วยคุณสมบัติที่ครบเครื่องของยาตัวนี้ก็ต้องแลกมาด้วยผลข้างเคียงที่แรงพอสมควร อย่างการสร้างความระคายเคืองให้กับผิว และการกระตุ้นให้สิวที่อยู่ในชั้นผิวหนังขับออกมาที่บริเวณหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยตามคำแนะนำของแพทย์ได้แนะนำว่า คุณควรที่จะทาแบบคืนเว้นคืนโดยเป็นการทาเฉพาะจุด ก่อนที่จะเริ่มขยับมาสู่การทาทั่วผิวหน้า และเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมมาทาทุกวัน 

แน่นอนว่าในช่วงแรกจะมีการระคายเคืองของยาตัวนี้ที่ทำปฏิกิริยากับผิวหนัง ที่อาจจะทำให้ผิวลอก และเกิดอาการแดงคันได้อย่างเป็นปกติ ซึ่งอาการนี้เราจะเรียกว่า Retinoid Dermatitis ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากทายาตัวนี้ในช่วงแรกเพียงเท่านั้น 

4. ระวังอย่าทายาซ้ำซ้อน

สำหรับใครที่เป็นคนชอบทาครีมเยอะ ๆ เพราะมีความเชื่อว่ายิ่งทาครีมจะยิ่งช่วยในเรื่องของการรักษาอาการสิว หรือฟื้นฟูผิวหน้า เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่สูตรสำเร็จอย่างที่คุณเข้าใจสะทีเดียว เพราะในหลายครั้งที่ยา รักษาสิว มักจะใช้สารเคมี หรือส่วนผสมที่เป็นตัวเดียวกัน จึงไม่มีความจำเป็นเลยแม้แต่น้อยที่จะต้องทำการทาครีมที่มีสารเคมีชนิดเดียวกันซ้ำลงในพื้นที่ดังกล่าว 

5. การทายาสิวตามทฤษฎีจะแนะนำให้ทาทั่วหน้า เพราะได้ผลดีกว่า

สำหรับใครที่มีสิว และเข้าใจว่าจริง ๆ แล้วยาทาสิวควรที่จะต้องทาเฉพาะที่ที่มีสิวเพียงเท่านั้น นี่อาจจะเป็นคำแนะนำที่ล้างทฤษฎีดังกล่าวไปเลยก็ว่าได้ เพราะจริง ๆ แล้วเราควรที่จะทาให้ทั่วผิวหน้า เนื่องจากในชั้นใต้ผิวหนัง หรือผิวหนังของเรานั้นต่างก็กำลังมีสิวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่มีชื่อเรียกว่า microcomedone ที่มองด้วยตาเปล่าอาจจะเห็น หรือไม่ทันสังเกต เราสามารถที่จะกำปราบหัวเชื้อเหล่านี้ได้ตั้งแต่ต้น 

6. อยากรักษารอยสิว หลุมสิว ควรรักษาสิวที่ยังมีอยู่ด้วย

เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนมักจะเรียงลำดับ และให้ความสำคัญอย่างผิด ๆ กันอยู่มาก เนื่องจากหลายคนอาจจะดีใจที่สิวตัวร้ายได้หายไปจากหน้าสักที และพยายามรีบหาวิธี รักษาสิว ในการกำราบรอบดำ และรอยแดงที่สิวทิ้งเอาไว้ โดยลืมไปว่าแท้ที่จริงแล้วก็ยังมีสิว หรือหัวเชื้อที่กำลังรอปะทุขึ้นมาอยู่ คุณควรที่จะจัดการกับสิวที่มีอยู่ทั่วทั้งใบหน้าให้เรียบร้อยเสียก่อน แล้วจึงค่อยจัดการกับรอยแดง และรอยดำตามลำดับ

7. รอยสิว รอยแดง กับรอยดำ รักษาต่างกัน

เป็นหนึ่งในข้อสงสัยของใครหลายคนเลยทีเดียว เกี่ยวกับรอยแดงทั้งสองที่สิวได้ทิ้งร่องรอยบาดลึกให้สาว ๆ ต้องแค้นใจอย่าง รอยแดง และรอยดำ โดยนอกจากเป็นบาดแผลที่ทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้าของสิวตัวฉกาจแล้ว ทั้งสงรอยจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีการดูแลที่แตกต่างกันอีกด้วย อย่างรอยดำที่เกิดจากสิวสามารถที่จะลดเลือนได้ด้วย Skinoren เนื่องจากเป็นกรด Azeleic acid ในช่วงแรกนั้นอาจจะส่งผลโดยตรงกับผิว ทำให้เกิดการคันยุบยิบเป็นชั่วระยะเวลาหนึ่งได้ แต่รอยแดงนั้น ถ้าคุณต้องการที่จะหา วิธีรักษาสิว จำเป็นที่จะต้องใช้เลเซอร์ในการเข้าช่วย 

8. ควรใช้ทั้งยากินและยาทา

อีกหนึ่งข้อสงสัยของใครหลายคนเกี่ยวกับ วิธีรักษาสิว ในการจัดการกับเจ้าสิวที่เป็นปัญหาแคลงใจสาว ๆ อย่างควรที่จะเลือกทานยา หรือใช้ยาแต้มสิวดี โดยส่วนนี้นั้นเรามีคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาบอกต่อกัน หากคุณมีสิวจำนวนมาก และเป็นสิวอักเสบการทาอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ ต้องใช้การทานเข้าร่วม ซึ่งยาที่จะสามารถจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้เป็นอย่างดีก็คือ Doxy นั้นเอง ซึ่งเป็นยาในกลุ่มยาทานที่มีประสิทธิภาพอย่างมากในการลดอาการอักเสบของสิวที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ 

9. อย่าเสียเวลาทดลองรักษาสิวเอง

สำหรับใครที่พยายาม รักษาสิว ด้วยตัวเองโดยการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์แต้มสิวต่าง ๆ โดยที่มีความหวังว่าสักวันอาการของสิวอักเสบ หรือสิวที่เป็นอยู่นั้นจะลดลงตามลำดับ เรียกว่าเป็นการยื้อให้สิวเหล่านั้นทำร้ายชั้นผิวได้อย่างเรื่อย ๆ ไปด้วย เพราะยิ่งคุณทิ้งสิวเหล่านี้ไว้นานเท่าไหร่ ในอนาคตก็มีเปอร์เซ็นต์สูงเลยทีเดียวที่สิวเหล่านี้จะสร้างรอยสิว หลุมสิวให้กับชั้นผิวของคุณได้ และทีนี้หากคุณต้องการรักษาผลกระทบดังกล่าวก็เรียกได้ว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกมากโขเลยทีเดียว ยอมที่จะเสียเงินในราคาที่น้อยกว่าตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่จะต้องเสียเงินจำนวนมากกับผลกระทบที่สิวได้สร้างไว้จะดีกว่า 

10. ไม่แกะ กด บีบสิวเอง

อาจจะเป็นสิ่งที่ห้ามได้ยาก แต่คุณจำเป็นที่จะต้องทำ เข้าใจดีเลยว่าทุกครั้งที่เป็นสิวนั้น มันช่างเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตอย่างมาก และอาการบวมปริศนานั้นก็ทำให้คุณอยากที่จะเอามือของคุณไปบีบ และเค้นมันออกมา แต่การทำพฤติกรรมดังกล่าวจะเป็นการสร้างหลุมสิว และรอยสิวที่ยากต่อการจัดการ เพราะฉะนั้นแล้ว วิธีรักษาสิว แบบธรรมชาติ ต้องไม่ไปรบกวน หรือพยายามแกะ กด หรือบีบสิวเองเด็ดขาด 

ทั้งหมดนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นข้อมูล และรายละเอียดเกี่ยวกับ วิธีรักษาสิว การกู้หน้าพังให้กลับมาสวยใสเหมือนเดิมได้ เรียกว่าเป็นสิ่งที่คนเป็นสิวควรที่จะรู้เอาไว้ เพื่อให้หลีกเลี่ยงจากพฤติกรรมที่เคยเข้าใจผิด และเข้าใจวิธีในการดูแลรักษาให้ถูกต้อง และถูกวิธี สำหรับใครที่เป็นสิวคุณจะต้องใจเย็น และเข้าใจพฤติกรรมของตัวเองที่ทำให้เกิดสิว และต้องพยายามหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้สิ่งเร้าเหล่านั้นกลับมาทำให้ผิวหน้าของคุณเกิดสิวอีกในช่วงที่กำลังรักษา