สาเหตุที่ทำให้เกิด ผิวแห้ง นอกจากการขาดน้ำ

สาเหตุทั่วไปของอาการคันและผิวแห้งอาจดูเหมือนไม่ใช่เรื่องง่าย นั่นคือการขาดความชุ่มชื้น แต่การขาดความชุ่มชื้นนั้นมาจากไหน ผิวแห้งเกิดจากความบกพร่องของเกราะป้องกันผิวหนังและความผิดปกติหรือความบกพร่องของไขมันที่จำเป็นต่อสุขภาพในชั้นบนสุดของผิวหนัง โดยปกติชั้นบนสุดของผิวหนังประกอบด้วยเซลล์ที่ตายแล้วและน้ำมันธรรมชาติซึ่งช่วยดักจับความชื้นเพื่อให้ผิวนุ่มและเรียบเนียน แต่ถ้าเซลล์ชั้นบนสุดนี้มีน้ำไม่เพียงพอซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หากน้ำมันป้องกันผิวลดน้อยลงอาจทำให้ ผิวแห้งกร้าน ได้

ในกรณีส่วนใหญ่การประสบปัญหาผิวแห้งไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่น่ากังวล จากข้อมูลของ MedlinePlus ระบุว่าผิวแห้งสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัยและสามารถปรากฏขึ้นที่ใดก็ได้ในร่างกายตั้งแต่มือ หน้าไปจนถึงขาและท้อง ความแห้งกร้านสามารถทำให้ผิวเป็นสีแดง เป็นขุยหรือคันอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ต้องกังวลมากนัก

แต่บางครั้งความแห้งกร้านจะรุนแรงมากขึ้นและอาจบ่งบอกถึงปัญหาผิว minebeauty หรือสภาวะสุขภาพได้ หากความแห้งกร้านรุนแรงจนรบกวนการทำงานหรือการนอนหลับของคุณ หากผิวหนังแตก มีเลือดออกหรือหากดูเหมือนว่าไม่ตอบสนองต่อการรักษาแนะนำให้ไปพบแพทย์ผิวหนัง

ความคิดแรกของคุณเมื่อคุณประสบกับปัญหาผิวแห้งคือการใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ แม้ว่าจะช่วยได้และคุณน่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงภายในไม่กี่นาทีนั่นเป็นวิธีแก้ปัญหาชั่วคราว อาจเป็นประโยชน์มากกว่าหากมองไปที่ต้นเหตุของสิ่งที่ทำให้เกิดความแห้งตั้งแต่แรก คุณอาจประหลาดใจกับสิ่งที่คุณพบ หากคุณกำลังมองหาวิธีแก้ไขสำหรับผิวแห้งให้ตรวจสอบรายการนี้ก่อนเพื่อดูว่าคุณมีปัญหาเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้หรือไม่เพื่อที่จะทำการรักษาและรับมือกับสาเหตุของ ผิวแห้ง ได้ถูกต้อง

10 สาเหตุที่ทำให้ ผิวแห้ง

1. น้ำหอมมีโอกาสก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง น้ำหอมมีแนวโน้มที่จะทำให้ผิวแห้ง ผิวหยาบกร้าน ระคายเคืองหรือทำให้แย่ลง ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เต็มไปด้วยน้ำหอม นั่นเป็นเพราะกลิ่นหอมเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังอักเสบจากการแพ้ อาจต้องใช้เวลาหลายครั้งในการสัมผัสผิวหนังเพื่อตอบสนองหรือคุณอาจเห็นปฏิกิริยาในครั้งแรกในการใช้งานเลยก็เป็นไป ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมและให้มองหาส่วนผสมที่ปราศจากน้ำหอมแทน โลชั่นและครีมบำรุงผิวอาจส่งผลเสียต่อผิวได้มากกว่าเมื่อเต็มไปด้วยน้ำหอม อ่านฉลากอย่างระมัดระวัง น้ำมันลาเวนเดอร์และน้ำมันจากพืชอื่น ๆ มีคุณสมบัติเป็นสารกันบูดตามธรรมชาติและใช้ในเครื่องสำอางที่อาจมีข้อความว่าปราศจากน้ำหอม

2. สบู่อาจดูดความชื้นจากผิวหนังและหนังศีรษะ สบู่ ผงซักฟอกและแชมพูจำนวนมากจะขจัดความชื้นออกจากผิวหนังและหนังศีรษะของคุณเนื่องจากเป็นสูตรที่ใช้ขจัดน้ำมันออกไป สิ่งสำคัญคือต้องเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ล้างตัวและน้ำยาซักผ้าอย่างระมัดระวัง การใช้ผลิตภัณฑ์ชำระล้างร่างกายที่ให้ความชุ่มชื้นเพียงอย่างเดียวจะดีกว่าสบู่ก้อนที่มีฤทธิ์รุนแรง แพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้มีการเตือนให้ระวังผงซักฟอกที่รุนแรงและแม้แต่น้ำยาปรับผ้านุ่ม หากคุณมี ผิวแห้ง ให้มองหาสบู่ซักผ้าสูตรอ่อนโยนแทน

3. พันธุกรรมอาจส่งผลต่อความเสี่ยงของคุณสำหรับผิวแห้ง นักวิจัยกล่าวว่าผิวแห้งสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ จากการศึกษาพบว่าการกลายพันธุ์ของยีนที่ควบคุมการผลิตโปรตีนฟิลากรินซึ่งมีบทบาทในการสร้างและให้ความชุ่มชื้นแก่เกราะป้องกันผิวหนังอาจทำให้เกิดสภาพผิวได้หลายประการ ผู้ที่มีกรรมพันธุ์เหล่านี้คาดว่าจะมีประมาณร้อยละ 10 ของประชากรที่มีอาการผิวแห้งและมีโอกาสเกิดโรคเรื้อนกวางมากขึ้น โรคผิวหนังภูมิแพ้เป็นโรคเรื้อนกวางชนิดหนึ่ง

หากคุณมีผิวแห้งมาโดยตลอดหรือหากมีคนในครอบครัวเป็น คุณควรที่จะหมั่น แต่งหน้า ทาครีมบำรุงผิวทุกวัน มองหาส่วนผสมเซราไมด์และไขมันในมอยส์เจอร์ไรเซอร์ซึ่งช่วยสร้างและเสริมเกราะป้องกันผิว

4. น้ำประปาสามารถป้องกันไม่ให้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ดูดซึม เมื่อน้ำประปามีแร่ธาตุที่มีความเข้มข้นสูง เช่น แมกนีเซียมและแคลเซียม จึงเรียกว่าน้ำกระด้างตามการสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกา แร่ธาตุเหล่านี้สามารถติดอยู่บนผิวหนังทำให้เกิดความแห้งกร้าน สารในน้ำจะเปลี่ยนน้ำมันบนผิวหนังให้กลายเป็นสารที่มีความหนาไปอุดต่อมทำให้สภาพผิวแย่ลง เช่น สิว โรคโรซาเซียและป้องกันไม่ให้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ซึมเข้าสู่ผิวหนัง แนะนำให้เพิ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีวิตามิน A และ C ในการดูแลผิว เนื่องจากวิตามินเหล่านี้สามารถต่อต้านการเคลือบที่สะสมโดยน้ำกระด้างได้

5. ยารักษาสิวและการผลัดเซลล์ผิวเรตินอลทำให้ ผิวแห้งกร้าน กรดซาลิไซลิกสามารถรักษาสิวได้อย่างดีเยี่ยม แต่อาจทำให้ผิวของคุณแห้งเมื่อคุณเริ่มใช้ครั้งแรก ความแห้งกร้านเป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยของเรตินอลเช่นกัน เนื่องจากเรตินอลมีฤทธิ์คลายการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์บนผิวหนัง ข่าวดีก็คือคุณไม่จำเป็นต้องยอมแพ้ในการดูแลผิวเหล่านี้ แม้ว่าการลดปริมาณการใช้อาจให้ผลลัพธ์โดยไม่ระคายเคือง ลดความถี่ในการใช้จากทุกวันเป็นวันเว้นวัน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนซึ่งไม่ทำให้ปัญหานี้เพิ่มขึ้น

6. อากาศแห้งทั้งในบ้านหรือนอกบ้านทำให้ผิวแห้ง ผิวหยาบกร้าน ได้ บางครั้งอากาศในบ้านอาจเป็นโทษต่อผิวของคุณได้เช่นเดียวกับอากาศภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร้อนสามารถดึงระดับความชื้นลง ทำให้ผิวรู้สึกแห้งและคัน โชคดีที่คุณไม่จำเป็นต้องทนทุกข์กับผิวแห้งและคันตลอดฤดูหนาว เครื่องทำความชื้นสามารถช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับอากาศในบ้านของคุณได้ สำหรับเครื่องทำความชื้นควรตั้งความชื้นไว้ระหว่าง 30 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์

7. การล้างมือบ่อย ๆ อาจทำให้ผิวแดงและระคายเคือง บางคนที่มี ผิวแห้ง ก็ล้างมือเป็นประจำ นี่อาจเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้ที่ทำงานในอุตสาหกรรมที่ต้องล้างมือบ่อย ๆ เช่น การดูแลสุขภาพ เพื่อลดผลกระทบจากการแห้งของสุขอนามัยของคุณให้ใช้น้ำอุ่นล้างมือ (น้ำร้อนจะทำให้ผิวของคุณชุ่มชื้น) หลีกเลี่ยงสบู่ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และซับมือให้แห้งแทนการถูด้วยกระดาษเช็ดมือ ครีมมักจะมีเนื้อสัมผัสหนากว่ามอยส์เจอร์ไรเซอร์ ดังนั้นควรทาครีมบำรุงที่มือและทาทุกครั้งหลังการล้างมือ

8. การอาบน้ำร้อนเป็นเวลานานทำให้ผิวขาดน้ำ อาจเป็นเรื่องยากที่จะยืนอยู่ใต้น้ำร้อนเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในช่วงเดือนที่อากาศหนาวเย็น แต่การทำเช่นนี้อาจทำให้เกิดปัญหากับผิวของคุณได้ การอาบน้ำหรืออาบน้ำอุ่นจัดนาน ๆ อาจทำให้ความชุ่มชื้นในผิวของคุณแห้ง ให้จำกัดการอาบน้ำไม่เกิน 5 นาทีและเพื่อรักษาอุณหภูมิของน้ำให้อบอุ่น ไม่ร้อนจนเกินไป หลังจากนั้นให้ทาครีมบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นภายใน 1 นาทีหลังจากออกจากห้องอาบน้ำ มอยส์เจอไรเซอร์ทำงานได้ดีที่สุดกับผิวที่ชื้น

9. ริ้วรอยก่อนวัยสามารถเพิ่มความแห้งกร้านของผิว ผิวแห้งมีแนวโน้มที่จะเป็นปัญหามากขึ้นเมื่อผู้คนมีอายุมากขึ้น ผู้ใหญ่ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการประสบปัญหา ผิวแห้งกร้าน และส่งผลกระทบต่อประมาณครึ่งหนึ่งของบุคคลในกลุ่มอายุนี้ เมื่อเราอายุมากขึ้น ผิวของเราจะผลิตน้ำมันน้อยลง สำหรับผู้หญิงอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับวัยหมดประจำเดือน วิธีแก้ไขคือให้เพิ่มความชุ่มชื้นทุกวัน (หรือหลายครั้งต่อวันหากจำเป็น) ให้มองหามอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของเซราไมด์ฮิวเมนเทนท์ (เช่น กรดไฮยาลูโรนิกหรือกลีเซอรีน) และปิโตรลาทัม ส่วนผสมเหล่านี้ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นที่สูญเสียไปและซ่อมแซมเกราะป้องกันผิวได้อย่างรวดเร็ว

10. โรคผิวหนังบางอย่างอาจทำให้ ผิวแห้ง ปัญหาผิว เช่น โรคสะเก็ดเงินและโรคเรื้อนกวางอาจทำให้ผิวของคุณมีแนวโน้มที่จะแห้งกร้านได้มากขึ้น แต่ผิวแห้งอาจบ่งบอกถึงบางสิ่งที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องด้วย เช่น โรคเบาหวาน ภาวะไทรอยด์ ภาวะทุพโภชนาการและไตวาย เป็นต้น แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าความแห้งเป็นผลมาจากบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถระบุได้ ให้ระวังบริเวณที่อักเสบที่เกรอะกรัง มีอาการคันอย่างรุนแรง มีรอยดำและมีรอยหยาบเป็นขุยหรือเป็นสะเก็ดบนผิวหนังก็ถึงเวลาที่จะต้องไปพบแพทย์แล้ว แพทย์จะสามารถวินิจฉัยถึงอาการของคุณและหาวิธีรรักษาได้เหมาะสมที่สุด

ผิวแห้งบ่งบอกอะไรเราได้มากกว่าที่คิด หลายคนอาจคิดว่าผิวแห้งเกิดจากการขาดน้ำและขาดการบำรุง แต่เมื่อเราทำการบำรุงและดื่มน้ำมากมายแล้ว ผิวยังคงแห้งเหมือนเดิม เราต้องมาดูและพิจารณาถึงสาเหตุอื่น ๆ ว่าทำไมผิวเราถึงยังแห้งอยู่ อาจเป็นเพราะแพ้น้ำหอม พฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างของเราที่ส่งผลกระทบต่อผิวของเรามากกว่าที่คิด วิธีที่ดีที่สุดแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังเพื่อหาสาเหตุของ ผิวแห้ง และเข้ารับการรักษาได้ตรงจุดและถูกวิธี