อยากมีผมสวยเงางามต้องใช้ อาหารบำรุงผม อย่างไร

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทรงผมมีความสำคัญต่อบุคลิกภาพ ถ้าวันไหนที่จัดผมแล้วไม่เป็นทรงอย่างที่ใจต้องการ ในวันนั้นสาว ๆ คงรู้สึกสูญเสียความมั่นใจไปไม่น้อย ยิ่งซ้ำร้ายถ้ามีลมพัดมาแล้วผมก็ปลิวกระเจิงยุ่งเหยิงไปอีก เพราะสภาพผมที่ไร้น้ำหนัก จัดทรงไม่อยู่ ทำให้ผมชี้ฟูไม่น่ามอง แน่นอนว่าสาว ๆ ทุกคนอยากมีผมสวยไม่ว่าจะเป็นผมสั้น ผมซอย หรือผมยาวก็ตาม ไม่มีใครอยากมีผมขาดหลุดร่วงหรือศีรษะเป็นรังแค เพราะฉะนั้น ถ้าสาว ๆ คนไหนที่กำลังเผชิญปัญหานี้อยู่ ลองนำเอา 5 สูตรการหมักผมจากวิถีธรรมชาติวิธีการใดวิธีการหนึ่งไปใช้ดู แล้วปรับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีสูตร อาหารผม ใดที่เข้ากับสภาพเส้นผม ซึ่งจะเห็นได้จากผลลัพธ์ที่ชัดเจนและน่าพึงพอใจ

ปกป้องผมให้สวยเงางามด้วย อาหารบำรุงผม ตลอดเวลาอย่างไร

ก่อนที่สาว ๆ จะไปรู้จักกับ 5 สูตรการหมักผม สิ่งหนึ่งที่ต้องทำความเข้าใจก็คือการดูแลปกป้องเส้นผม เพื่อให้การหมักผมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้

พยายามอย่าให้เส้นผมถูกทำลาย

การจัดแต่งทรงผมบ่อย ๆ ด้วยวิธีการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการไดร์ ม้วน หนีบ รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อการทำสี ดัด และยืด ล้วนแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้เส้นผมหยาบกระด้าง ไม่นุ่มมือ และผมแห้งเสียชี้ฟู ดังนั้น สาว ๆ จะต้องปกป้องเส้นผมด้วยการหลีกเลี่ยงไม่ให้ผมเจอกับความร้อนทั้งจากการจัดแต่งทรงและรังสี UV ในแสงแดด

บำรุงเส้นผมด้วยการกิน

สาว ๆ สามารถดูแลเส้นผมจากภายในด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ อาหารบำรุงผม มีคุณค่าทางโภชนาการที่ช่วยให้เส้นผมแข็งแรงและเจริญเติบโต อาหารผม ยอดฮิตที่สาว ๆ ควรกินมีดังนี้ แซลมอน เป็นปลาที่มีกรดไขมันจำเป็นคือ โอเมก้า 3 มีโปรตีน วิตามิน B12 และเหล็กในปริมาณมากพอที่จะสร้างความแข็งแรงให้เส้นผมไม่เปราะบางจนขาดหลุดร่วงง่าย 

อัลมอนด์ สาว ๆ คงรู้สรรพคุณของอัลมอนด์กันเป็นอย่างดีแล้วว่าเป็นแหล่งโปรตีนชั้นยอด จึงเหมาะกับผู้ที่ทานมังสวิรัติหรืองดเนื้อสัตว์ รวมไปถึงผู้ป่วยด้วยโรคคลอเลสเตอรอลหรือไขมันในเลือดสูง เพราะนอกจากจะมีโปรตีนสูงแล้ว ธาตุเหล็กและวิตามิน E ก็มีสูงมากเช่นกัน ทำให้อัลมอนด์เป็นไขมันดีที่ช่วยลดไขมันในร่างกายลงแล้ว และในส่วนของการบำรุงเส้นผมนั้น การกินอัลมอนด์เพียงวันละ 20-25 เม็ดยังทำให้เส้นผมมีความแข็งแรงมากขึ้น โดยเฉพาะสาว ๆ ที่มีผมเส้นเล็กเพราะคุณสมบัติของอัลมอนด์ช่วยทำให้เส้นผมมีขนาดใหญ่ขึ้นและยาวเร็วขึ้นด้วย

นอกจากนี้แล้วพวกธัญพืชหรือถั่วต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นถั่วเหลือง ถั่วลิสง ถั่วปากอ้าก็ตาม ล้วนแต่มีโปรตีนสูง มีธาตุเหล็ก สังกะสี และไบโอตินที่จำเป็นต่อร่างกาย เป็นสารอาหารที่กระตุ้นให้เส้นผมแข็งแรงและยาวเร็วขึ้น ซึ่งสาว ๆ เลือกกิน  อาหารบำรุงผม ได้ตามใจชอบ ถ้าไม่อยากเคี้ยวให้เมื่อยปากก็ดื่มนมถั่วเหลืองแทนก็ยังได้เลย

สุดท้าย ไม่ว่าจะทาน อาหารบำรุงผม ใด ๆ ก็ตามแล้วสิ่งหนึ่งที่ร่างกายขาดไม่ได้เลยก็คือผักใบเขียว เพราะเป็นแหล่งวิตามิน A และ C ในปริมาณมาก ทั้งยังมีธาตุเหล็กและแคลเซียมอันมีความสัมพันธ์กับการผลิตไขมันและน้ำมันจากรากขนของร่างกาย เพื่อนำไปหล่อเลี้ยงเส้นผมให้เติบโตแข็งแรง แม้ว่าสาว ๆ จะรู้สึกว่าไม่อยากกินก็ตาม

แต่แนะนำเลยว่าต้องลองชิมดูก่อนแล้วจะติดใจ ที่สำคัญ การได้เห็นผมนุ่มสลวยเป็นเงางามก็จะรู้ได้ทันทีว่าผักใบเขียวมีประโยชน์มากจริงๆ

เปิด 5 สูตรที่จะทำให้ผมสวยเงางามเป็นประกาย

สูตรที่ 1 เกลือกำจัดรังแค

วัตถุดิบที่ต้องใช้คือ เกลือ 8 ช้อนโต๊ะ + น้ำอุ่น

สูตรนี้เหมาะกับสาว ๆ ที่มีรังแค ผมขาดและหลุดร่วงง่าย เพราะสรรพคุณของเกลือนอกจากจะนำไปปรุงรส อาหาร แล้ว ยังบำรุงหนังศีรษะและเส้นผมได้อีกด้วย เพียงแค่นำเกลือมาผสมให้เข้ากับน้ำอุ่น จากนั้นจะค่อย ๆ ราดชโลมลงไปตั้งแต่กลางศีรษะจนกระทั่งปลายผมแล้วนวดคลึงอย่างเบามือ โดยหมักทิ้งเอาไว้ 5-10 นาทีแล้วจึงล้างออก แต่ถ้าสาว ๆ รู้สึกว่าผมมีความมัน หรือรู้สึกสกปรกเห็นขี้รังแคเกาะอยู่ตามเส้นผม แนะนำให้สระผมด้วยแชมพูให้สะอาดเรียบร้อยก่อน โดยล้างคราบแชมพูออกให้หมดจึงค่อยชโลมด้วยน้ำเกลือแล้วหมักทิ้งเอาไว้ สูตรนี้สามารถทำได้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ผมก็จะนุ่มสลวย ไม่มีปัญหาคันหนังศีรษะหรือรังแคอีกต่อไป

สูตรที่ 2 น้ำมันมะกอกทำให้ผมเสียเป็นผมสวย

วัตถุดิบที่ต้องใช้คือ น้ำมันมะกอก 7 ช้อนโต๊ะ + ไข่แดง 2 ฟอง + น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ

สูตรนี้เหมาะกับสาว ๆ ที่ผมเสียจากการผ่านเคมีและความร้อน ไม่ว่าจะเป็นการทำสี ย้อม กัด ดัด และยืด รวมไปถึงสาว ๆ ที่มีเส้นผมกระด้าง หยาบไม่นุ่มมือ ซึ่งจัดทรงลำบาก เพียงสาว ๆ นำวัตถุดิบที่หาไม่ยากจากห้องครัว โดยนำน้ำมันมะกอกผสมกับไข่แดงให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวแล้ว จากนั้นก็ค่อย ๆ เหยาะน้ำผึ้งลงไปแล้วคนให้เข้ากันอีกครั้ง ก่อนที่จะชโลมให้ทั่วศีรษะแล้วคลุมผมให้มิดชิดเพื่อหมักทิ้งเอาไว้ 1 ชั่วโมงโดยประมาณแล้วค่อยล้างออก สำหรับสูตรนี้ไม่ต้องนวดหรือคลึง เมื่อครบเวลาแล้วก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาดในอุณหภูมิปกติ จากนั้นก็สระผมด้วยแชมพูตามปกติได้เลย หลังจากที่ผมแห้งแล้วสาว ๆ จะรู้สึกได้ทันทีเมื่อสัมผัส เส้นผมจะนุ่มและลื่นขึ้น ทำให้สูตร ความงาม นี้เป็นที่นิยมกันมาก นอกจากจะหาวัตถุดิบง่าย ราคาไม่แพงแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือได้ผลจริง ผมที่เคยแห้งเสียก็กลับมาเงางามเป็นประกายได้อีกครั้ง

สูตรที่ 3 โยเกิร์ตเพิ่มน้ำหนักให้ผม

วัตถุดิบที่ต้องใช้คือ โยเกิร์ตสูตรธรรมชาติ + ไข่แดง 2 ฟอง + น้ำมะนาว 5 ชั้นโต๊ะ

สูตรนี้เหมาะกับสาว ๆ ที่มีผมเส้นเล็ก แห้ง แตกปลาย และชี้ฟู เพราะหลังจากที่หมักผมด้วยสูตรนี้แล้วจะทำให้เส้นผมมีน้ำหนักและเงางามมากขึ้น สาว ๆ สามารถหมักผมได้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพียงนำโยเกิร์ตสูตรธรรมชาติและไข่แดงมาผสมเข้าด้วยกัน ระหว่างกันผสมให้ค่อย ๆ เติมน้ำมะนาวลงไปแล้วคนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำมาชโลมให้ทั่วศีรษะโดยไม่ต้องนวดหรือคลึงใด ๆ ซึ่งสูตรนี้สามารถหมักแล้วอบไอน้ำได้ ความร้อนจะทำให้เกิดการซึมซับได้ล้ำลึก ทำให้เส้นผมได้รับการบำรุงถึงรากถึงโคนด้วยสรรพคุณจากโยเกิร์ตและไข่แดงที่มีทั้งโปรตีนและวิตามิน วิตามินบำรุงผม ขณะที่น้ำมะนาวช่วยลดความหยาบกระด้างของเส้นผม ทำให้ผมกลับมานุ่มสลวยได้ดั่งเดิม

สูตรที่ 4 น้ำส้มสายชูกู้ผมแตกปลาย

วัตถุดิบที่ต้องใช้คือ น้ำส้มสายชูหมัก 8 ช้อนโต๊ะ + ไข่แดง 2 ฟอง + น้ำผึ้ง 4 ช้อนโต๊ะ

สูตรนี้เหมาะกับสาว ๆ ที่มีปัญหาผมแตกปลายไม่ว่าจากการสไลด์ผมหรือซอยผม รวมถึงผมที่แห้งเสียและชี้ฟูด้วย เพียงน้ำส้มสายชูหมักหรือที่รู้จักกันในชื่อน้ำแอปเปิ้ลไชเดอร์นั่นเอง โดยน้ำมาผสมให้เข้ากันกับไข่แดงและน้ำผึ้ง เมื่อคนจนเป็นเนื้อเดียวกันแล้วจึงนำมาหมักทิ้งไว้ 30 นาทีโดยประมาณ แต่ถ้าผมเสียมากก็ให้ทิ้งเอาไว้ได้ถึง 1 ชั่วโมงเลยก็ยังได้ เมื่อครบตามเวลาที่ต้องการแล้วก็ให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด ก่อนที่จะสระผมด้วยแชมพูตามปกติ สาว ๆ จะรู้ได้ทันทีว่าเส้นผมมีสุขภาพดีขึ้น เนื่องจากสรรพคุณขอน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ที่มี วิตามินบำรุงผม ที่มีประโยชน์จำนวนมากได้ซึมซับเข้าไปบำรุงเส้นผม ขณะเดียวกัน อาหารบำรุงผม น้ำผึ้งและไข่แดงมีหน้าที่ดีท็อกซ์ผมเสีย ผมที่แตกปลาย หรือผลที่ลีบแบนให้กลับมามีน้ำหนัก สาว ๆ สามารถหมักผมด้วยสูตรนี้อย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เมื่อทำเป็นประจำต่อเนื่องก็จะเห็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

สูตรที่ 5 น้ำมันงาเรียกความดกดำ

วัตถุดิบที่ต้องใช้คือ น้ำมันงา 5 ช้อนโต๊ะ

สูตร อาหารผม นี้เหมาะกับสาว ๆ ที่มีปัญหาผมขาดหลุดร่วง เปราะบาง และแตกปลาย รวมถึงสาว ๆ ที่ต้องการเร่งความยาวให้เส้นผม เพียงแค่น้ำนำมันงามาชโลมให้ทั่วศีรษะ จากนั้นก็นวดคลึงอย่างเบามือก่อนจะหมักทิ้งเอาไว้ 30-45 นาทีโดยประมาณ แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดแล้วสระผมด้วยแชมพูตามปกติ แต่ว่าไม่ต้องลงครีมนวดผมใด ๆ อีกแล้ว เนื่องจากสรรพคุณของน้ำมันงาไม่ต่างจากทรีทเมนท์ชั้นดีที่มีทั้งวิตามิน B และ E ทำให้เส้นผมได้รับสาร อาหารบำรุงผม ให้กลับมาดกดำเงางามอีกครั้ง เมื่อใช้เป็นประจำต่อเนื่องสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ปัญหาเส้นผมที่ขาดเปราะง่าย แตกปลาย และผ่านการทำเคมีต่าง ๆ มาก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งหมดไปในที่สุด