เรื่อง บำรุงเล็บ ใครว่าไม่สำคัญ

หากพูดถึงเรื่องของเล็บนั้น อาจยังมีอีกหลายท่านที่ไม่ได้ให้ความใส่ใจกับการดูแลรักษา บำรุงเล็บ มากนัก แต่รู้ไหมว่าเล็บก็เป็นสิ่งที่ควรจะให้ความสำคัญไม่แพ้ส่วนอื่นในร่างกายเลยทีเดียว เพราะสุขภาพเล็บที่ดีสามารถบ่งบอกได้ถึงการเอาใจใส่ และยังเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจได้อีกด้วย และถ้าหากท่านดูแลเล็บไม่ดีพอรู้หรือไม่ว่าจะมีข้อเสียอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะนำท่านทั้งหลาย ไปหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียเกี่ยวกับเล็บมือ เล็บเท้า ว่าจะ ครีมบำรุงเล็บ มีวิธีหรือเทคนิคอะไรบ้าง

ลักษณะทางกายภาพของเล็บ บำรุงเล็บ

เล็บนั้นมีการเจริญเติบโตและงอกยาวขึ้นจากบริเวณด้านโคนเล็บ ในส่วนของเซลล์เก่าของเล็บนั้นจะมีการยาวขึ้นไปอยู่ที่ปลายเล็บ ลักษณะของเล็บที่ดีนั้นควรที่จะมีความเรียบเนียน ไม่มีร่องรอยหรือสีที่ผิวของเล็บให้เห็น ลักษณะของเล็บนั้นยังสามารถบ่งบอกได้ถึงอาการผิดปกติหรือโรคที่เกิดขึ้นจากภายในร่างกายได้อีกด้วย

เล็บมีความสำคัญอย่างไรบ้าง

1. ไว้หยิบจับสิ่งของ

2. ไว้เกาเวลาที่เกิดอาการคัน

3. ไว้ช่วยฉีกสิ่งของต่าง ๆ เช่น กระดาษหรืออาหาร เป็นต้น

4. ไว้ป้องกันตัวเอง

5. เป็นตัวช่วยเสริมในการสระผม

6. เพิ่ม ความงาม ความสวย

7. ใช้บอกโรคบางอย่างจากภายในได้

ปัญหาเกี่ยวกับเล็บที่พบบ่อย

1. จมูกเล็บอักเสบ ( Paronychiae ) มักพบได้บ่อยในกลุ่มคนที่มือเปียกน้ำหรือต้องสัมผัสน้ำอยู่ตลอดเวลา และยังสามารถพบได้ในกลุ่มคนที่ชอบทำเล็บตามร้านเสริมสวย โดยจะมีลักษณะนูนแดง เกิดการอักเสบจนเห็นได้อย่างชัดเจน อีกทั้งบางรายที่มีการติดเชื้ออย่างรุนแรงอาจจะมีอาการคันร่วมด้วย

2. เล็บเป็นเชื้อรา ( Tinea Unguium ) เชื้อรานั้นเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นง่ายและมักจะพบบ่อยในเล็บเท้ามากกว่าเล็บมือ เนื่องจากเล็บเท้าของเรานั้นเกิดความอับชื้นได้ง่ายกว่าเล็บมือ อาจจะด้วยสาเหตุที่เท้าของเรานั้นมีการใส่ถุงเท้าอยู่ตลอดเวลา ไม่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก จึงก่อให้เกิดการหมักหมกแล้วเกิดเชื้อราได้ เปรียบเทียบกับเล็บมือของเรานั้นไม่ค่อยพบเชื้อรามากเท่าไหร่นัก เนื่องจากว่าเล็บมือของเรานั้นมีความแห้งอยู่เสมอ บวกกับว่าในชีวิตประจำวันของเรานั้นจะมักใช้มือเพื่อจับสิ่งของ จึงทำให้ต้องมีการทำความสะอาดมือและ บำรุงเล็บ อยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ไม่มีเชื้อโรคใด ๆ สามารถเกาะติดอยู่กับเล็บหรือมือของเรา

3. เล็บกร่อน ( Onycholysis ) ลักษณะของเล็บนั้นจะมีการผุกร่อนและแตกหักได้ง่าย เล็บมีการเสียรูปทรงโดยสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน อีกทั้งสีเล็บที่ดูเหลือง สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าขาดสารอาหารบางชนิด ซึ่งสารอาหารนั้นยังเป็นสารอาหารหลักที่ใช้เพื่อ บำรุงเล็บ มือโดยเฉพาะ

4. สะเก็ดเงินที่เล็บ ( Psoviasis ) เล็บจะมีลักษณะมองเห็นเป็นคลื่นได้อย่างชัดเจน ในปัจจุบันนี้ยังไม่มีวิธีการที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เพราะฉะนั้นท่านจึงควรที่จะต้องรักษาความสะอาดของเล็บท่านเป็นอย่างดี

เคล็ดลับและวิธีการดูแลรักษาเล็บ

1. อย่าล้างมือบ่อยจนเกินไป หลังจากที่ท่านทำความสะอาดมือเรียบร้อยแล้ว ท่านควรทำการเช็ดให้แห้งและทาครีมบำรุงมือ ครีมบำรุงเล็บ ด้วยทุกครั้ง เพิ่มเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวหนังบริเวณมือ

2. เตรียมสภาพเล็บให้พร้อมก่อนตัด การเตรียมเล็บให้พร้อมก่อนที่จะทำการตัด เพื่อช่วยลดสาเหตุที่สามารถก่อให้เกิดการอักเสบได้ โดยน้ำเล็บมือและเล็บเท้าไปแช่น้ำอุ่นไว้ประมาณ 5-10 นาทีก่อนที่ท่านจะทำการตัดเล็บ เพราะการแช่น้ำอุ่นนั้นจะช่วย บำรุงเล็บ ให้เล็บของท่านมีความอ่อนนุ่มขึ้น

3. หลีกเลี่ยงการทาสีเล็บ เพื่อให้เล็บของท่านนั้นได้พักผ่อน ท่านควรที่จะหลีกเลี่ยงการทาเล็บเป็นเวลานาน ๆ เพราะการทำเล็บแต่ละครั้งจะมีสารเคมีที่สามารถเข้าไปทำลายเนื้อเล็บได้ ดังนั้นหากท่านเลือกที่จะทำการทาสีเล็บ ท่านควรที่จะลงสีใสก่อนเพื่อทำการป้องกันเล็บของท่าน จากสารเคมีที่จะไปสัมผัสกับเล็บของท่านโดยตรง อีกทั้งยังต้องเลือกสีทาเล็บที่มีคุณภาพเพื่อที่จะได้ช่วยถนอมเล็บของท่านไม่ให้เกิดการซีดเหลือง

4. ควรหลีกเลี่ยงการทำเล็บที่ร้านเสริมสวย เพราะช่างทำเล็บมักชอบที่จะตัดเล็มเนื้อเล็บ และตัดจมูกเล็บให้เสียหาย และนั่นอาจก่อให้เกิดการอักเสบต่อเล็บของท่านได้อีกด้วย หากช่างทำเล็บใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตราฐาน หรืออาจจะสะอาดไม่เพียงพอ 

5. ตัดเล็บให้มีขนาดสั้นพอประมาณ การไว้เล็บที่มีขนาดยาวเกินไปอาจจะทำให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้ อีกทั้งไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็ดูยุ่งยากไปเสียหมด และการที่ท่านตัดเล็บจนสั้นติดเนื้อเกินไปก็ไม่ส่งผลดีอีกเช่นกัน เพราะอาจก่อให้เกิดการอักเสบและมีสิ่งสกปรกหลุดเข้าไปภายในได้ วิธีที่ดีที่สุดนั่นก็คือการตะไบเล็บ เพราะการตะไบเล็บนั้นจะช่วยให้เล็บของท่านไม่มีความคมเกินไป และสามารถทำให้รูปทรงของเล็บมีความโค้งมนดูแล้วสวยงามมากกว่า

6. การดูแลรักษาหนังหุ้มโคนเล็บ แนะนำ บำรุงเล็บ ให้ท่านแช่น้ำอุ่นก่อนที่จะทำการตัดเล็มหนังเล็บในส่วนนี้ออก และควรทาครีมหรือน้ำมันมะกอกเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่น การตัดหนังเล็บในบริเวณนี้ต้องใช้การระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะมีความเปราะบางจึงอาจจะทำให้เกิดบาดแผลได้

7. ระหว่างทำงานบ้านควรใส่ถุงมือ เพราะการที่ใช้มือของท่านสัมผัสกับสารเคมี เช่น สบู่ หรือน้ำยาทำความสะอาด อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อมือและเล็บของท่านได้ ดังนั้นท่านจึงควรที่จะป้องโดยการสวมใส่ถุงมือในขณะที่ทำงานบ้าน เพื่อป้องการสารเคมีที่จะเข้าไปอยู่ตามซอกมือและเล็บ

8. คอยระวังไม่ให้เล็บได้รับอันตราย อย่าใช้เล็บเพื่อแทนเครื่องมือต่าง ๆ เช่น การใช้เล็บแคะสิ่งของหรือแกะสิ่งของ เป็นต้น

อุปกรณ์สำหรับตัดหนัง มี 2 ประเภท ดังนี้

1. แบบคีม มีลักษณะการใช้งานที่ง่าย และเหมาะสมกับการตัดซอกเล็บที่ยากต่อการเข้าถึง

2. แบบกรรไกร เป็นการตัดหนังเล็บที่ไม่ได้อยู่ตามซอก โดยวิธีการตัดที่ถูกต้องนั้น ท่านจะต้องหันกรรไกรตัดเล็บด้านใดด้านหนึ่งออกแล้วจึงทำการตัดจากด้านข้าง

การตะไบเล็บมีให้เลือก 3 แบบ ดังนี้

1. แบบโลหะ เป็นแบบทั่วไปที่ท่านสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาด มีราคาถูกแต่อายุการใช้งานสั้น เทคนิคในการใช้ตะไบแบบโลหะนั้นคือ ท่านควรตะไบไปในทิศทางเดียวกัน มิเช่นนั้นเล็บของท่านจะเกิดเสี้ยนคม

2. แบบเซรามิค จะมีราคาสูงขึ้นมาจากประเภทโลหะ มีอายุการใช้นานที่ยาวนานกว่า สามารถใช้ได้ทุกด้านและไม่จำเป็นที่จะต้องตะไบไปในทิศทางเดียวกัน ข้อเสียก็คืออาจเกิดการแตกหักได้ง่ายเมื่อทำหล่นพื้น

3. อุปกรณ์แคะเล็บ ( Nail Cleaner ) มีลักษณะปลายแหลมแต่ไม่มีความคมแต่อย่างใด รูปร่างโค้งมน เหมาะสมสำหรับการแคะสิ่งสกปรกออกจากซอกเล็บ และสามารถใช้ผิวหนังที่ตายแล้วออกจากเล็บของท่าน

ลักษณะที่บ่งบอกถึงความผิดปกติของเล็บมีดังนี้

1. เล็บมีความหนาหรือบางผิดปกติ สามารถบ่งบอกได้ว่าท่านอาจจะเป็นโรคเชื้อราที่เล็บ นอกจากจะมีความหนาและบางของเล็บจนดูผิดปกติแล้วนั้น เล็บจะมีการเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองหรือขาวซีดได้อีกด้วย วิตามิน บำรุงเล็บ และสำหรับท่านใดที่เป็นโรคโลหิตจาง เล็บนั้นก็จะมีลักษณะบางและแอ่นด้วยเช่นกัน

2. ผิวหนังรอบเล็บเกิดการบวมแดง สาเหตุเกิดจากการสัมผัสกับน้ำบ่อยเกินไป จนเกิดการเปื่อยยุ่ยและกลายเป็นการอักเสบนั่นเอง และบางครั้งอาจจะเกิดจากการสัมผัสกับสารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง บางรายนั้นหากมีการอักเสบที่รุนแรงก็จะทำให้มีน้ำหนองบริเวณรอบหนังเล็บตามมาด้วย

3. ปลายเล็บร่น หากท่านมีอาการในลักษณะนี้ นั่นอาจบ่งบอกได้ว่าท่านอาจเป็นโรคไทรอยด์ หรือโรคผื่นผิวหนังอักเสบ เพราะโดยปกติแล้วนั้นผิวหนังในบริเวณดังกล่าวจะติดกับเล็บเสมอ

4. เล็บมีพื้นผิวขรุขระ หากเล็บของท่านมีลักษณะดังต่อไปนี้ อาจจะบ่งบอกถึงโรคขาด วิตามิน บำรุงเล็บ สะเก็ดเงินหรือโรคภูมิแพ้ และในบางรายที่มีอาการอย่างรุนแรง อาจจะพบเป็นร่องลึกตามแนวขวางบนอยู่บนเล็บ

สรุปในท้ายนี้ ท่านควรที่จะใส่ใจดูแลเล็บเท้าและเล็บมือทา ครีมบำรุงเล็บ เพื่อป้องกันให้ไม่มีสิ่งสกปรกไปตกค้างอยู่ และการดูแลเล็บให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ ยังช่วยให้เล็บของท่านนั้นปลอดภัยจากโรคเชื้อราและโรคอื่น ๆ อีกด้วย และในบทความนี้ก็ยังได้มีเทคนิคการดูแลสุขภาพเล็บมาฝากทุกท่าน เพื่อให้ท่านนั้นสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันกัน และอีกสิ่งที่อยากจะแนะนำเพิ่มเติมนั่นก็คือ ท่านควรเลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ที่มีคุณค่าครบตามหลักโภชนาการ เพื่อช่วยบำรุง สุขภาพ ของท่านให้ดีมากจากภายใน