การระบาดของ โรคฝีดาษ ลิงเกิดขึ้นครั้งแรกในสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 2022 โดยมีอาการของฝีดาษลิงในชาวอังกฤษซึ่งเดินทางไปประเทศไนจีเรีย ซึ่งเป็นโรคเฉพาะถิ่น ต่อมาบุคคลดังกล่าวเดินทางกลับเข้ามาในสหราชอาณาจักรในวันที่ 4 พฤษภาคม โดยนำผู้ป่วยที่เป็นต้นเหตุเข้ามาในประเทศ อย่างไรก็ตาม พบการแพร่ระบาดของ เชื้อไวรัสฝีดาษลิง ในชุมชนในพื้นที่กรุงลอนดอน มีรายงานการติดเชื้อไวรัสในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษและนอกสหราชอาณาจักรซึ่ง ณ วันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 มีผู้ติดเชื้อ 5 คนในโปรตุเกส, 1 คนในสวีเดน, 1 คนในอิตาลี, 1 คนในเบลเยียม, 1 คนในสหรัฐ, 7 คนในแคนาดา, 30 คนในสเปน, 1 คนในเยอรมนี และ 2 คนในออสเตรเลีย ซึ่งในปัจจุบัน โรคฝีดาษลิง ได้กลับมาอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ก็มีหลายประเทศที่มีการติด เชื้อไวรัสฝีดาษลิง ขึ้น รวมถึงประเทศไทยของเราที่ต้องคอยเฝ้าระวังกัน วันนี้ minebeauty จึงจะพาทุกคนมาทำความเข้าใจและแนะนำวิธีป้องกัน โรคฝีดาษลิง กัน
โรคฝีดาษลิง คืออะไร
- โรคฝีดาษลิง หรือ โรคฝีดาษวานร (Monnkeypox Virus) เป็นโรคที่พบการระบาดครั้งแรกเมื่อ 60 ปีก่อน มีถิ่นกำเนิดในประเทศคองโก โดยพบการติดเชื้อของสัตว์ตระกูลลิงในห้องแล็ป นอกจากนี้ยังสามารถแพร่กระจายเชื้อได้ในสัตว์ตระกูลฟันแทะ อย่าง หนู กระรอก กระต่าย เป็นโรคตระกูลเดียวกับฝีดาษที่เกิดขึ้นในคน หรือไข้ทรพิษ
โรคฝีดาษลิง เกิดจากอะไร
- เกิดจาก ไวรัส Othopoxvirus ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับไวรัสโรคไข้ทรพิษ (Smallpox) โดยพบเชื้อในสัตว์ตระกูลลิง และสัตว์ฟันแทะ เช่น หนู กระรอก กระแต เป็นหลัก โดยค้นพบโรคนี้ครั้งแรกในลิง ซึ่งไปรับเชื้อมาโดยบังเอิญ จึงเป็นที่มาของชื่อ โรคฝีดาษลิง
การติดต่อของโรคฝีดาษลิง
- การติดต่อจากสัตว์สู่คน : สัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ติดเชื้อ / ถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัด หรือข่วน / กินเนื้อสัตว์ที่มีเชื้อ และปรุงสุกไม่เพียงพอ
- การติดต่อจากคนสู่คน : สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยทางสารคัดหลั่ง จากผิวหนังที่เป็นตุ่ม หรือละอองฝอยจากการหายใจ / มีอาการป่วยประมาณ 2-4 สัปดาห์ / ผู้ป่วยส่วนใหญ่หายจากโรคเองได้ อาการรุนแรงมักพบในเด็ก ขึ้นกับปริมาณไวรัสที่ได้รับ
อาการของโรคฝีดาษลิง
- อาการของโรคจะแสดงอาการหลังจากได้รับเชื้อแล้วประมาณ 7-14 วัน
- มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดหัว ปวดเมื่อยตามร่างกาย
- ต่อมน้ำเหลืองโต
- หลังจากมีไข้ประมาณ 1-3 วัน จะมีตุ่มเล็ก ๆ คล้ายผื่นขึ้นตามตัว ซึ่งตุ่มเหล่านี้จะอักเสบและแห้งไปเองใน 2 – 4 สัปดาห์ โดยมีการเปลี่ยนแปลงตามลำดับ ดังนี้ มีตุ่มนูนแดงคล้ายผื่น / ภายในตุ่มมีน้ำใสอยู่ภายใน รู้สึกคัน แสบร้อน / ตุ่มใสกลายเป็นหนอง เมื่ออาการรุนแรงขึ้น ตุ่มหนองเหล่านั้นจะแตกออกและแห้งไปเอง
- อาจมีอาการท้องเสีย อาเจียน เจ็บคอ ไอ หอบเหนื่อยร่วมด้วย
- บางรายที่ภูมิคุ้มกันต่ำ หรือมีโรคประจำตัวอาจมีภาวะแทรกซ้อนทำให้อาการรุนแรงอันตรายถึงชีวิตได้
โรคฝีดาษลิง อันตรายแค่ไหน
- มีภาวะสุขภาพแทรกซ้อนได้ เช่น หากเข้าตาทำให้ตาอักเสบจนทำให้ตาบอดได้ สมองอักเสบ ปอดอักเสบ แต่อัตราเสียชีวิตไม่สูงมากประมาณ 3-6%
การรักษาโรคฝีดาษลิง
- ยังไม่มียามาตรฐานเฉพาะเจาะจงแต่สามารถใช้ยาที่รักษาฝีดาษคนมารักษาได้ เช่น ยา Tecovirimat และ Cidofovir, Brincidofovir, การฉีดวัคซีน Smallpox
วิธีป้องกันโรคฝีดาษลิง
- ออกห่างจากผู้ติดเชื้อ ผู้ที่สงสัยเสี่ยงติดเชื้อ หรือมีประวัติสัมผัสผู้ป่วย
- ไม่นำมือไปสัมผัสผื่น ตุ่ม หนอง ของผู้ที่เสี่ยงติดเชื้อ
- เชื้อไวรัสฝีดาษลิงเป็นเชื้อที่มีโปรตีนหุ้ม ซึ่งสามารถถูกทำลายได้ด้วยแอลกอฮอล์ ดังนั้น เราจึงควรหมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยแอลกอฮอล์ 70% ขึ้นไป
- สวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อผ่านละอองฝอยขนาดใหญ่