ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2566 ใครต้องเสียบ้าง? อัตราการเก็บภาษีที่ดิน มีกี่ประเภท?

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง นับได้ว่าเป็นคำถามที่ใครหลากหลายคนมักจะมี ไลฟ์สไตล์ อยากจะรู้ ซึ่งข่าวดีนั่นก็คือ ในช่วงปี 2566 ภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างก็ยังคงจัดเก็บอัตราเดิมเหมือนกับปี 2563 จนถึง 2565 เช่นกัน ใครมีบ้าน บ้านเช่า ที่ดิน คอนโดมิเนียม ที่ควรศึกษาข้อมูล ภาษีที่ดิน 2566 เพื่อจะได้คำนวณภาษีที่ดิน และมีการจ่ายภาษีได้ถูกต้อง โดยในวันนี้ เว็บผู้หญิง minebeauty จะขอนำพาทุกท่านไปเรียนรู้กับเรื่องของภาษีที่ดินเพิ่มเติม หากท่านใดสนใจไปดูข้อมูลกันต่อได้เลยค่ะ

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2566 ใครจะต้องเสียเงินบ้าง?

1. เจ้าของที่ดินหรือเจ้าของสิ่งปลูกสร้าง ในกรณีนี้อาจจะไม่ใช่เจ้าบ้านก็ได้ เพราะหากทางเจ้าบ้านไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ ก็ไม่มีชื่ออยู่ในโฉนดที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเจ้าบ้านก็ไม่ใช่ผู้ที่ต้องเสีย ภาษีที่ดิน เลย
2. ผู้ครอบครองหรือผู้ที่ใช้ประโยชน์ในสิ่งปลูกสร้าง ภายในวันที่ 1 มกราคม ทุก ๆ ปี เช่น ซื้อคอนโดมิเนียมวันที่ 25 ธันวาคม 2565 ต้องเสีย ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ในปี 2566 เพราะถือได้ว่าครอบครองภายในวันที่ 1 มกราคม 2566 นั่นเอง หรือได้ซื้อบ้านในวันที่ 11 กุมภาพันธ์2566 ก็ไม่ต้องเสียภาษีที่ดิน 2566 เนื่องจากไม่ได้ครอบครองในวันที่ 1 มกราคม 2566 แต่จะต้องเสียภาษีสิ่งปลูกสร้างในช่วงปี 2567
3. ในกรณีที่ดินและเจ้าของสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินกลายเป็นคนละคนกัน ต่างก็ต้องเสียภาษีส่วนตัวเองที่เป็นเจ้าของ
4. ผู้ที่ครองครองทรัพย์สิน ทำประโยชน์สิ่งปลูกสร้างของทางรัฐ เช่น ผู้ที่เช่าราชพัสดุ ถึงแม้ว่าไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่เป็นผู้ที่มีหน้าที่ในการเสียภาษีตามกฎหมาย

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปี 2566 ต้องจ่ายเท่าไหร่

1. ที่ดินเกษตรกรรม จ่ายภาษีสูงสุด 0.15%

ที่ดินเกษตรกรรม จะต้องใช้ที่ดินเพื่อทำนา ทำสวน เลี้ยงสัตว์ ทำไร และกิจกรรมอื่น ๆ ที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งหลายคนอาจจะมีความเข้าใจผิดว่าปลูกต้นไม้อะไรก็ได้ ปลูกกี่ต้น แต่อันที่จริงแล้ว ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ทางกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยที่ได้ระบุไว้ เช่น ปลูกด้วยต้องขั้นต่ำ 200 ต้น / ไร่ , ปลูกมะนาวขั้นต่ำ 50 ต้น/ ไร่ , ปลูกขนุนขั้นต่ำ 25 ต้น/ไร่ ปลูกมะม่วง ทุเรียน ลำไย มะพร้าว ขั้นต่ำ20 ต้น/ไร่

อัตราในการเสียภาษีที่ดินเกษตรกรรมในปี 2566

• กรณีทางเจ้าของที่ดินบุคลธรรมดา หากมีที่ดินมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท ก็ได้ยกเว้นภาษี และถ้ามีที่ดินเกิน 50 ล้าน จะได้รับยกเว้น 50 ล้านบาทแรก
• กรณีเจ้าของที่ดินเป็นนิติบุคคล จะเสียภาษีตามอันตราปกติ

2. ที่ดินใช้ประโยชน์อื่น ๆ นอกจากเกษตรกรรม จะต้องเสียภาษีสูงสุด 1.20%

การเก็บ ภาษีที่ดิน ในรูปแบบนี้ ก็คือ ที่ดินที่ไม่มีประโยชน์เพื่อการเกษตรและที่อยู่อาศัย ยกตัวอย่างเช่น การใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือร้านค้า ร้านกาแฟ หรือแม้กระทั่งร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร หอพักรายวัน โดยจะต้องเสียภาษีทั้งหมด

3. ที่พักอาศัยภาษีสูงสุด 0.30%

• ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทางเจ้าของใช้อาศัย หรือให้เช่าเพื่อเป็นการอาศัย
• บ้านเช่า อพาร์ตเมนต์ หรือคอนโดที่ได้ปล่อยเช่าเป็นรายเดือน
• โฮมสเตย์ เป็นสถานที่พักชั่วคราวที่ได้มีการดัดแปลงเป็นห้องพักที่ไม่เกิน 4 ห้อง และมีผู้อาศัยไม่เกิน 20 คน ให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวก และเป็นที่พักรวมของเจ้าของชายเพียงคาเดียวที่มีลักษณะเป็นการประกอบกิจการเพื่อสร้างรายได้เสริม
• ครอบคลุมในช่วงเวลาระหว่างในการก่อสร้าง และปรับปรุงต่อเติม เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย เช่น คอนโดมิเนียมที่อยู่ในระหว่างตกแต่ง หรือ บ้านที่อยู่ในระหว่างการก่อนสร้างนั่นเอง

4. ที่รกร้างและว่างเปล่า เสียภาษีสูงสุด 3%

ในกรณีที่ดินเปล่าถูกปล่อยทิ้งไว้ ไม่ได้ใช้ทำการเกษตร ไม่ได้ปลูกสร้างอาคาร หรือใช้ประกอบกิจการต่าง ๆ จะถูกจัดได้ว่าเป็นพื้นที่รกร้าง อยู่ในกลุ่มที่ต้องเสีย ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แพงที่สุดเลย นอกจากนี้ หากเจ้าของที่ดินปล่อยพื้นที่รกร้างนาน ๆ ติดต่อกัน 3 ปี เมื่อไปเสียภาษีในปีที่ 4 ก็จะถูกเก็บเพิ่มขึ้นอีก 0.3% และเพิ่มในอัตราภาษี 0.3% ในทุก ๆ 3 ปี ที่ได้ปล่อยดินทิ้งไว้โดยที่เราไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลย แต่รวมแล้ว ทั้งหมดนี้ จะเก็บภาษีได้ไม่เกิน 3%

คุณเองคงได้ทราบข้อมูลกันแล้ว ใครที่เป็นเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างภายในช่วงวันที่ 1 มกราคม 2566 และอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าตามเกณฑ์ที่ต้องเสีย ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กันแล้ว ในปี 2566 ก็ควรดำเนินการเสีย ภาษีที่ดิน 2566 ให้เรียบร้อยก่อนที่จะหมดเขต เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียค่าปรับแพง ๆ