เดินทางท่องเที่ยว วัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย ชมความงดงามเอกลักษณ์ทางด้านศิลปะ

วัดร่องขุ่น ตั้งอยู่ที่ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ที่ถือได้ว่าเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงรายและประเทศไทยโดยตรง ซึ่งเป็นผลงานในการออกแบบและก่อสร้างขึ้น โดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรไทยที่มีผลงานจิตรกรรมไทยหลากหลายด้วยกัน จนได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ  สำหรับ วัดร่องขุ่น เชียงราย เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ มีพื้นที่มากมาย ทำให้มีผู้คนเดินทางมากราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมไปถึงได้ชมความงดงามผ่านศิลปะอันทรงคุณค่า หากใครที่ได้มาสัมผัสกับ  วัดเชียงราย แห่งนี้ ก็จะได้พบกับความสวยงามสุดตระการตาที่ไม่มีวันลืม

ความเป็นมาของ วัดร่องขุ่น

วัดร่องขุ่น เชียงราย คนรุ่นพ่อร่วมกันสร้าง อาจารย์เฉลิมชัย เกิดแรงบันดาลใจว่าอยากจะสร้างวัดร่องขุ่นในรูปแบบศิลปะสมัยใหม่ให้เหมาะกับประเทศไทย ภายใต้ร่มโพธิสมภารรัชกาลที่ 9 รวมไปถึงอยากสร้างงานศิลปะให้ดูยิ่งใหญ่ จึงได้มีการก่อสร้างขึ้นในปี 2540 โดยอุทิศทั้งชีวิตให้กับการสร้างชิ้นงานสุดท้าย ด้วยเงินที่สะสมจากการจำหน่ายผลงานทางด้านศิลปะเป็นระยะเวลา 20 ปี

นอกจากนี้แล้ว อาจารย์เฉลิมชัย ก็ยังได้เผยความในใจวัดร่องขุ่น ผมหวังว่าจะสร้างผลงานพุทธศิลป์ที่มีเอกลักษณ์แบบเฉพาะตัวให้ได้ปรากฏเป็นชิ้นงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ขึ้น เพื่อเป็นการประกาศความยิ่งใหญ่ในประเทศไปสู่ทั่วโลก ซึ่งวันนี้ไม่เคยได้ไรเงินทอดกฐินผ้าป่าใด ๆ

ความงดงามตระการตาภายในวัดร่องขุ่น เชียงราย

สิ่งที่มีความโดดเด่นเมื่อได้มาเยือนวัดร่องขุ่น นั่นก็คือ พระอุโบสถ โดดเด่นทางด้านเอกลักษณ์ศิลปะไม่ว่าจะเป็นรูปช่อฟ้า ใบระกา และมีรายละเอียดที่แตกต่างไปจากวัดอื่น ๆ  โดยอุโบสถจะมีสีขาวบริสุทธิ์ ขณะที่กระจกขาวดูวาววับเป็นประกายระยิบระยับ ด้านสะพานหมายถึงการเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ ก่อนที่จะขึ้นสะพานครึ่งวงกลมเล็ก ๆ ที่หมายถึงว่า โลกมนุษย์วงใหญ่มีเขี้ยวเป็นปากพญามาร หรือเป็นพระราหู หมายถึงกิเลสในใจแทนนรก หากใครที่จะเฝ้าพระพุทธเจ้าจะต้องปลดปล่อยกิเลสตัณหาทิ้งไป เพื่อเป็นการชำระจิตใจให้ผ่องใส

ฟ้าเอก หมายถึง สัตว์ 4 ชนิด ที่ผสมกันแทน ดิน น้ำ ลม ไฟ ช้างหมายถึง ดิน นาค หมายถึง น้ำ ปีกหงส์ หมายถึงลม และหน้าอกหมายถึง ไฟ ส่วนช่อชั้นที่ 2 บน หมายถึง สมาธิ แทนด้วยสัตว์ 2 ชนิด นั่นก็คือ เขี้ยวพยานาค และญานาคกับหงส์ หมายถึง ความชั่วที่อยู่ในตัวมนุษย์ หงส์ หมายถึง ความดี ส่วนศีลเป็นตัวฆ่าความชั่ว หากใจเราชนะกิเลสได้ก็จะเกิดสมาธิ ช่อฟ้าชั้น 3 สูงสุด หมายถึง ปัญหา หงส์ปากครุฑ หมอบราบ มุ่งสู่การดับสิ้น ส่วนทางด้านหลังของช่อชั้น 3 จะมีลวดลาย 7 ชิ้น นั่นหมายถึง โพชฌงค์ 7 ลาย 8 ชิ้น รองรับฉัตร หมายถึง มรรค 8 ฉัตร จะหมายถึงพระนิพพาน รวมไปถึงลวดลายที่อยู่บนเชิงชายทางด้านข้างบริเวณหลังคาชั้นบนสุดจะแทนด้วยการใช้สังโยชน์ 10 เสา 4 มุม ส่วนทางด้านข้างโบสถ์ เป็นตุง กระด้าง เพื่อเป็นการถวายพุทธบูชาแด่พระเจ้า

และนอกจากนี้แล้วยังมีจิตรกรรมทางด้านฝาผนังที่อลังการด้วยฝีมือ อาจารย์เฉลิมชัย ผนังทั้ง 4 ด้าน เป็นภาพที่เขียนแสดงถึงการหลุดพ้นจากกิเลส มุ่งเข้าสู่โลกทางธรรม ส่วนหลังคาได้นำหลักการปฏิบัติจิต 3 ข้อ นั่นก็คือ ศีล สมาธิ และทางปัญหาที่มาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานให้ออกมาดูดี

โดยวัดร่องขุ่นกำลังสร้างต่อเติมขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้ครบ 9 หลังตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ให้เป็นอาคารรูปทรงที่แตกต่างกันออกไป เพื่อเป็นเมื่องสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ของคนทั่วโลก และชื่นชมกับผลงานการสร้างพุทธศิลป์ ถึงแม้ว่าการสร้างวัดยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็มีความงดงามให้นัก ท่องเที่ยว ได้เยี่ยมชม

การเดินทางมาวัดร่องขุ่น

ถนนสายของเชียงราย – กรุงเทพ ถ้ามาจากทางกรุงเทพ หรือเชียงใหม่ โดยวัดร่องขุ่นจะอยู่ก่อนถึงตัวเมืองเชียงรายประมาณ 13 กิโลเมตร เลี้ยวเข้าไปประมาณ 100 เมตร ก็จะมีป้ายบอกตามระยะทางแล้ว

วัดร่องขุ่น สถาปัตยกรรมสวย ๆ อันทรงคุณค่าของไทย ได้เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมอย่างต่อเนื่อง หากใครที่มีไลฟ์สไตล์ชอบท่องเที่ยวชมสถาปัตยกรรม หากอยากจะมาเที่ยววัดร่องขุ่น เชียงรายก็สามารถเดินทางมาได้สะดวกสบาย สำหรับ วัดเชียงรายแห่งนี้ จัดได้ว่ามีสถานที่ที่น่าสนใจหลายจุดด้วยกัน ส่งผลทำให้นักท่องเที่ยวเพลิดเพลินไปกับ ความงาม ที่ตระการตา แบบที่ไม่เคยได้เห็นจากที่ไหนมาก่อน